การพัฒนาธุรกิจด้วย Artificial Intelligence (AI) และ Big Data เป็นเรื่องที่จำเป็นต้องทำ ซึ่ง dtac ก็ประกาศเดินเกมรุกในเรื่องนี้อย่างเต็มที่ ผ่านการลงทุนเทคโนโลยีดังกล่าว เพื่อยกระดับงานบริการ และสังคม
เติบโตอย่างยั่งยืนด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำ
ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็จะเห็นองค์กรชั้นนำเริ่มนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้งานเพื่อยกระดับธุรกิจ โดยเฉพาะเรื่อง AI, Machine Learning และ Big Data เพราะตัวธุรกิจเหล่านั้นมีฐานข้อมูลอยู่เป็นจำนวนมาก การจะปล่อยให้ข้อมูลดังกล่าวทิ้งไว้เฉยๆ ก็คงไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องนักในยุคนี้
แอนดริว กวาลเซท รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการตลาด บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น หรือ dtac เล่าให้ฟังว่า ข้อมูลในตอนนี้ก็เหมือนขุมทรัพย์สำคัญขององค์กรต่างๆ ซึ่งการจะนำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้ให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ก็ต้องลงทุนเรื่องเทคโนโลยีอย่างเต็มที่ รวมถึงต้องใช้งานได้เป็น และใช้อย่างถูกต้องด้วย
“การลงทุน AI และ Big Data ของ dtac ช่วยให้รู้ว่าตอนนั้นลูกค้ากำลังทำอะไรอยู่ และยิ่งผู้ใช้กว่า 25 ล้านเลขหมายในระบบมีการติดตั้งแอปพลิเคชั่น dtac กว่า 80% ยิ่งทำให้เราเข้าถึงพวกเขาได้ง่ายขึ้น และช่วยให้รายได้จากบริการดิจิทัลเพิ่มขึ้น 10 เท่าในปีที่ผ่านมา”
Machine Learning ช่วยยกระดับธุรกิจ
ขณะเดียวกันเมื่อเจาะไปที่เรื่อง AI การใช้ Machine Learning ของ dtac ก็ค่อนข้างยกระดับไปอีกขั้นหนึ่ง โดยเฉพาะกับ Social Listening ที่จับความเห็นของผู้บริโภคบนโลกดิจิทัลได้รวดเร็ว เพื่อแก้ไขได้ทันท่วงที ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของ ฉัตรสุดา สันตานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสสาย Customer Value Management (CVM)
“เมื่อเรามีข้อมูล และมีระบบวิเคราะห์ที่เก่งแล้ว Machine Learning ก็ต้องถูกพัฒนาขึ้น ไล่ตั้งแต่การใช้เพื่อแก้งานบริการหลักๆ ของเรา รวมถึงช่วยยกระดับในการทำตลาด เช่นยิงแพ็คเกจเสริมไปได้อย่างถูกที่ถูกเวลา ยิ่งกับกลุ่มลูกค้าพรีเพด การที่เขาเพิ่งเติมเงินเข้าระบบ ก็ต้องมีแพ็คเกจที่ตรงใจพวกเขาให้เลือกได้เร็วที่สุด” ฉัตรสุดา กล่าว
ทั้งนี้ 30% ของยอดขายแพ็คเกจเสริมนั้นมาจากการที่ AI แนะนำแพ็คเกจที่ถูกใจผู้ใช้บริการในระบบ แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพ และความสำคัญในการทำตลาดด้วย AI ในยุคนี้ ส่วนเรื่องการแก้ไขปัญหาบนโลกออนไลน์ ตอนนี้ AI ก็สามารถเรียนรู้ข้อความต่างๆ ได้อย่างแม่นยำถึง 90% อีกด้วย
พัฒนาสังคมสร้างการเติบโตไปพร้อมกัน
อย่างไรก็ตามไม่ใช่แค่ dtac จะลงทุนเรื่อง AI และ Big Data เพื่อยกระดับธุรกิจของตัวเองเท่านั้น เพราะยังนำเทคโนโลยีดังกล่าวมา ประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาสังคมเช่นกัน อาทิการนำสัญญาณโทรศัพท์มือถือมาช่วยวิเคราะห์ และป้องกันการเกิดไข้เลือดออก และไข้มาลาเรีย
เคนท์ มอนเซน นักวิจัยอาวุโสจากเทเลนอร์รีเสิร์ช เล่าให้ฟังว่า เมื่อทุกคนมีโทรศัพท์มือถือ การช่วยแจ้งพวกเขาเกี่ยวกับโรคระบาดต่างๆ ก็ทำได้ง่ายกว่าเดิม ยิ่งหากพวกเขาเดินทางไปที่ที่เสี่ยงติดไข้เลือดออก และไข้มาลาเรีย ก็สามารถป้องกันได้ทันท่วงที ผ่านการร่วมมือกับสาธารณะสุขในพื้นที่นั้นๆ
ขณะเดียวกัน ชวิน ฉัตรศิริวิชัยกุล ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์ รีคัลท์ เสริมว่า บริษัทเตรียมร่วมมือกับ dtac Smart Farmer เพื่อยกระดับเกษตรกรด้วยแอปพลิเคชั่นวิเคราะห์ข้อมูลการเพาะปลูก เพราะปัจจุบันกลุ่มเกษตรกรยังมีปัญหาเรื่องรายได้น้อย และมีความเป็นอยู่ที่ไม่ดีนัก
สรุป
การเดินเกมของ dtac ในเรื่อง AI และ Big Data นั้นยังคงทำอย่างต่อเนื่อง ยิ่งล่าสุดมีการลงทุนกว่า 205 ล้านบาทเพื่อพัฒนา AI Lab ร่วมกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อปูพื้นฐาน และสร้างบุคลากรคุณภาพมาช่วยยกระดับธุรกิจ ก็แสดงให้เห็นถึงความจริงจังในการยกระดับการให้บริการด้วยเทคโนโลยีใหม่อย่างแท้จริง
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา