ผ่าแผน “เซ็นทรัล” ยุค Transform ทุ่มงบ 4.7 หมื่นล้าน ขยายธุรกิจทั้งไทย-เทศ

กลุ่มเซ็นทรัลเดินหน้าประกาศยุทธศาสตร์ 5 ปี NEW CENTRAL, NEW E-CONOMY ปีนี้เตรียมทุ่มงบ 47,000 ขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ วางเป้ารายได้เติบโต 14% หรือเฉียด 4 แสนล้าน

ต้องปรับตัวเพื่อการเติบโต

ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาได้เห็นการปรับตัวของกลุ่มเซ็นทรัลของข้างหนัก ทั้งเรื่องของรีเทล อีคอมเมิร์ซ การซื้อกิจการเพื่อเติมพอร์ตธุรกิจ รวมถึงปรับโครงสร้างองค์กรอยู่ตลอดเวลา เพื่อรับกับยุคสมัยที่เปลี่ยนไป

เป็นประจำในแต่ละปีที่กลุ่มเซ็นทรัลจะแถลงวิสัยทัศน์ และโชว์ความแข็งแกร่งของธุรกิจ โดยในปีที่แล้วมาด้วยยุทธศาสตร์ Central Digitality เริ่มมีการปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ เพราะธุรกิจรีเทลได้รับผลกระทบจากยุคดิจิทัลอย่างมาก

ในปีนี้กลุ่มเซ็นทรัลได้มาในยุทธศาสตร์ NEW CENTRAL, NEW E-CONOMY ไม่ถึงกับ All New Central ที่พลิกโฉมองค์กรเท่าไหร่นัก แต่เป้าหมายคือเป็นองค์กรที่เน้นเรื่องเทคโนโลยี และเป็นผู้นำด้าน Digi-Lifestyle Platform ให้ได้ นั่นคือกลุ่มเซ็นทรัลไม่ได้ต้องการสตรองแต่ค้าปลีกอย่างเดียว แต่ต้องครอบคลุม Ecosystem ของระบบค้าปลีกทั้งหมด

จึงเห็นได้ว่าในช่วงหลังกลุ่มเซ็นทรัลให้ความสำคัญกับ “พันธมิตร” มีการจับมือร่วมทุนต่างๆ เพื่อเกิดดีลในการต่อยอดธุรกิจ ซึ่งการปรับตัวหลายๆ อย่างทำให้ในช่วงปลายปีที่ผ่านมากลุ่มเซ็นทรัลก็มีการเติบโตสูงตามไปด้วย

ทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด ได้เผยถึงผลประกอบการในช่วงที่ผ่านมาว่า มีการเติบโตขึ้นในทุกๆ ปี โดย 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 2556-2560) ตัวเลขยอดขายของทั้งกลุ่มเซ็นทรัลมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยมากกว่า 11%

ในปี 2560 สัดส่วนของผลประกอบการแบ่งออกเป็น ยอดขายในประเทศไทย 72%, ยอดขายในยุโรป 15% และยอดขายในประเทศเวียดนาม 13%

อัดงบอีก 47,500 ล้าน ขยายสโตร์อีก 400 แห่ง

แผนธุรกิจของกลุ่มเซ็นทรัลในปีนี้ได้ทุ่มงบลงทุนอีกกว่า 47,500 ล้านบาท ยังไม่รวมงบการซื้อกิจการ เป็นการลงทุนเปิดร้านค้าใหม่อีก 439 แห่งทั้งในประเทศ และในเวียดนาม ตัวเลขการลงทุนนี้เป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้น 27.8% จากปี 2560 ซึ่งในแต่ละปีกลุ่มเซ็นทรัลใช้งบลงทุนเฉลี่ย 30,000-40,000 บาทอยู่แล้ว และในปีนี้ตั้งเป้ารายได้รวมราว 397,308 ล้านบาท หรือเติบโต 14% จากปี 2560

แผนในการเปิดศูนย์การค้า และโรงแรมแห่งใหม่ แบ่งตามไทม์ไลน์ดังนี้

ไตรมาส 1

  • ท็อปส์ พลาซา พะเยา (เดือนมกราคม)

ไตรมาส 2

  • เซ็นทรัลเวิลด์โฉมใหม่

ไตรมาส 3

  • โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ อมตะ-ชลบุรี
  • ท็อปส์ พลาซ่า สิงห์บุรี
  • เซ็นทรัล ภูเก็ต แห่งที่ 2 และไตรภูมิ แอทแทรคชั่น
  • โรงแรมเซ็นทารา เวสต์เบย์ เรสซิเดนซ์และสวีท โดฮา ประเทศกาตาร์

ไตรมาส 4

  • ท็อปส์ พลาซา อำเภอผล ขอนแก่น, พัทลุง
  • ห้างสรรพสินค้าเซน ป่าตอง ภูเก็ต
  • โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ อมตะ-ชลบุรี
  • ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ไอซิตี้ ศูนย์การค้าแห่งแรกของ CPN ในประเทศมาเลเซีย

ภาพรวมธุรกิจในประเทศไทย

ปัจจุบันกลุ่มเซ็นทรัลมีธุรกิจในเครือรวม 11 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจห้างสรรพสินค้า, กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค, กลุ่มธุรกิจวัสดุก่อสร้าง, สินค้าตกแต่งบ้าน และเครื่องใช้ไฟฟ้า, กลุ่มธุรกิจศูนย์การค้าและอสังหาริมทรัพย์, กลุ่มธุรกิจอุปกรณ์เครื่องเขียน หนังสือ และออนไลน์, กลุ่มธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ต, กลุ่มธุรกิจบริหารและการตลาดสินค้าแฟชั่น และ กลุ่มธุรกิจร้านอาหาร

ในปี 2560 กลุ่มเซ็นทรัลมีจำนวนร้านค้ารวม 4,970 แห่ง ใน 38 จังหวัดทั่วประเทศ โดยตั้งเป้าในอีก 5 ปี ข้างหน้า (2565) จะขยายจำนวนร้านค้าเป็น 7,509 แห่ง  ครอบคลุม 52 จังหวัดทั่วประเทศ

ไม่ได้เน้นการขยายสาขาแค่ในกรุงเทพฯ เพียงอย่างเดียว แต่ยังขยายธุรกิจไปยังพื้นที่ต่างจังหวัดด้วย โดยเห็นได้จากสัดส่วนของห้างร้านเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ที่สาขาในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด คิดเป็น 80 ต่อ 20 แต่ปัจจุบันสัดส่วนสาขาของกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ได้ปรับเปลี่ยนมาเป็น 54 ต่อ 46 ในอนาคตตั้งเป้าให้สัดส่วนต่างจังหวัดเป็น 60% และในกทม. 40% ด้วย

ความสำเร็จของห้างหรูในยุโรป

ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 2556-2560) รายได้ของกลุ่มเซ็นทรัลในทวีปยุโรป มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 24% ในปี 2560 ที่ผ่านมามีรายได้รวม 51,100 ล้านบาท ซึ่งมาจากห้างสรรพสินค้าชั้นนำต่างๆของกลุ่มเซ็นทรัลในทวีปยุโรป ได้แก่ ห้างสรรพสินค้ารีนาเชนเต ประเทศอิตาลี, ห้างสรรพสินค้าอิลลุม ประเทศเดนมาร์ก และห้างสรรพสินค้ากลุ่มคาเดเว (ห้างคาเดเว, ห้างโอเบอร์โพลลิงเกอร์ และห้างอัลสแตร์เฮ้าส์) ประเทศเยอรมนี

ในปี 2560 กลุ่มเซ็นทรัลได้เปิดห้างสรรพสินค้ารีนาเชนเต โรม แลนด์มาร์กแห่งใหม่ใจกลางกรุงโรม และเป็นแฟล็กชิพของห้างรีนาเชนเต แห่งที่ 2 (แฟล็กชิพแห่งแรก คือ ห้างรีนาเชนเต มิลาน)

ก้าวสู่ค้าปลีกต่างชาติรายใหญ่ในเวียดนาม

ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 2556-2560) ยอดขายของกลุ่มเซ็นทรัลในประเทศเวียดนามมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 340% เป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดด ในปี 2556 ที่กุล่มเซ็นทรัลได้เริ่มทำธุรกิจใยเวียดนามมีรายได้เพียง 120 ล้านบาท มาถึงในปี 2560 มีรายได้ 44,800 ล้านบาท

ส่งผลให้กลุ่มเซ็นทรัลถือเป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกต่างชาติรายใหญ่ที่สุดของประเทศเวียดนาม โดยมี 5 ธุรกิจสำคัญ ได้แก่

  • ธุรกิจศูนย์การค้า 31 แห่ง : บิ๊กซี
  • ธุรกิจอาหาร 59 แห่ง : บิ๊กซี, ลานชีมาร์ท
  • ธุรกิจแฟชั่น 49 แห่ง : โรบินส์, เดลาลา, ซูเปอร์สปอร์ต และ มาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์
  • ธุรกิจฮาร์ดไลน์ 78 แห่ง : เหงียนคิม, B2S
  • ธุรกิจออนไลน์ 3 แพลตฟอร์ม : เว็บไซต์ NguyenKim.vn, Robins.vn และ B2S.com.vn

ปัจจุบันกลุ่มเซ็นทรัลมีห้างร้านกระจายอยู่ทั่วประเทศเวียดนามรวมทั้งสิ้น 217 ร้าน ครอบคลุมพื้นที่กว่า 700,000 ตรม. ใน 37 จังหวัด โดยตั้งเป้าในอีก 5 ปีข้างหน้า จะมีร้านค้าทั้งหมดรวมกว่า 753 ร้าน ครอบคลุมพื้นที่กว่า  2,500,000 ตรม. ใน 57 จังหวัดทั่วประเทศ

มีพนักงานของกลุ่มเซ็นทรัลในประเทศเวียดนามมีมากกว่า 17,000 คน พร้อมให้บริการลูกค้าที่มาใช้บริการไม่ต่ำกว่า 175,000 คนต่อวัน

เดินหน้าจับมือพันธมิตร

ในช่วงปีที่ผ่านมาได้เห็นกลุ่มเซ็นทรัลจับมือกับพันธมิตรเพื่อต่อยอดธุรกิจมากมาย ล้วนแล้วเป็นบิ๊กเนมในการสร้างบิ๊กโปรเจ็คทั้งสิ้น กลายเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของกลุ่มเซ็นทรัลในการเดินหน้าธุรกิจในอนาคตอีกด้วย

บิ๊กโปรเจ็คที่ทางกลุ่มเซ็นทรัลได้ปิดดีลในการร่วมทุนแล้วนั้น ได้แก่

  • ดุสิตธานี : สร้างโครงการมิกซ์ยูสบนถนนสีลม-พระราม 4 ใช้งบลงทุนราว 25,000 ล้านบาท
  • JD.com : สร้างแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซใหม่ JD.co.th และพัฒนาอีโลจิสติกส์ อีไฟแนนซ์ งบลงทุน 17,500 ล้านบาท โดยภายในเดือนพฤษภาคมนี้ เว็บไซต์ JD.co.th จะพร้อมเปิดให้บริการแก่ลูกค้า รวมถึงเปิดโอกาสให้สินค้าไทย และสินค้า SMEs ได้เผยแพร่สู่ตลาดโลก
  • ฮ่องกงแลนด์ : สร้างโครงการมิกซ์ยูสบนถนนเพลินจิต ใช้งบลงทุนราว 25,000 ล้านบาท
  • IKEA : แห่งใหม่ที่จะเปิดเชื่อมต่อกับศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวสต์เกต เปิดให้บริการในวันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2561 นี้

สุดท้ายแล้ว ทศได้กล่าวปิดท้ายว่า New Central, New E-Conomy มีเป้าหมายสู่การเป็น Tech Company อีกแห่งหนึ่งในไทย โดยจะสร้างแพลตฟอร์มของตัวเองในอนาคต

สรุป

  • การเดินเกมของกลุ่มเซ็นทรัลมีความเข้มข้นขึ้นทุกปี แต่ได้เห็นความตื่นเต้นมากขึ้นด้วย ได้เห็นการลงทุนในโปรเจ็คใหญ่ๆ ในไทย เริ่มขยายไปต่างประเทศ เริ่มเข้าสู่แพลตฟอร์มใหม่ๆ ชี้ให้เห็นว่ากลุ่มเซ็นทรัลปรับตัวอย่างหนักเพื่อรับกับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลง

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา