เกมรถไร้คนขับเดือด Toyota ลงทุน 88,000 ล้านบาท ปั้นเทคโนโลยี Self-Driving ชน Startup

นอกจากเรื่องรถยนต์ไฟฟ้าที่ค่ายผู้ผลิตรถยนต์ต่างเร่งเครื่องวิจัย และพัฒนาเพื่อส่งสินค้าออกมาตอบโจทย์ตลาด ยังมีเรื่องเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับ หรือ Autonomous Vehicle ที่ค่ายรถก็ตื่นตัวเช่นกัน และล่าสุดคือ Toyota

รถยนต์ Hybrid ของ Toyota

เกมที่จะรอ Startup มาแย่งตลาดไม่ได้

ปัจจุบันการพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ไรคนขับจะอยู่กับฝั่ง Startup เสียส่วนใหญ่ ซึ่งกลุ่มนี้ใช้แนวคิด Disruptive Technology ในการเข้ามาโจมตีอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ยังครองอยู่โดยยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตรถยนต์ในระดับโลกอยู่ ซึ่งถ้าปล่อยไปโอกาสที่พวกเขาจะมาแย่งตลาดนี้ไปได้ก็มีสูง

ทำให้ค่ายผู้ผลิตรถยนต์ต่างๆ เริ่มหันมาให้ความใส่ใจกับเรื่องวิจัย และพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับมากขึ้นเรื่อยๆ หนึ่งในนั้นคือ Toyota ที่ตั้ง Toyota Research Institute-Advanced Development ขึ้น พร้อมกับใช้งบลงทุนกว่า 2,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 88,000 ล้านบาท) ในการพัฒนาเรื่องนี้

สำหรับตัวกิจการดังกล่าวจะประกอบด้วยพนักงานกว่า 1,000 คนที่มีทั้งดึงคนหน้าเดิมๆ ในองค์กร กับคนเก่งๆ ที่ดึงเข้ามาช่วยจากที่อื่นด้วย ส่วนการบริหารงานนั้นทาง Toyota จะถือหุ้นทั้งหมด 90% ส่วนที่เหลือจะถือโดยซัพพลายเออร์ Denso กับ Aisin Seiki คนละ 5% เท่าๆ กัน

James Kuffner หัวหน้าทีม Toyota Research Institute-Advanced Development เล่าให้ฟังว่า ภารกิจหลักของกิจการนี้คือการเร่งเครื่องพัฒนาซอฟต์แวร์รถยนต์ไร้คนขับให้มีประสิทธิภาพยิ่งกว่าเดิม โดยการสื่อสารภายในทีมจะทำเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด ถือเป็นการปฏิวัติองค์กรพอสมควร

ทั้งนี้ Toyota เคยลงทุน 1,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 31,000 ล้านบาท ในเรื่อง AI และเทคโนโลยีอื่นๆ และเข้ามาเป็นพาร์ทเนอร์ทางเทคโนโลยีกับ Microsoft และ Uber อีกด้วย โดยล่าสุด ภายใต้ Toyota Research Institute ก็เพิ่งลงทุน 11.5 ล้านดอลลาร์กับ May Mobility ที่ทำงานเกี่ยวกับรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยตัวเองด้วย

สรุป

การเดินหน้าลงทุนรถยนต์ไร้คนขับนั้นถือเป็นอีกเรื่องที่ค่อนข้างจำเป็น เพราะในอนาคตผู้บริโภคอาจเปลี่ยนพฤติกรรมจากซื้อรถยนต์เป็นของตัวเอง มาเป็นเช่ารถเพื่อเดินทางก็เป็นได้ และหากเป็นอย่างนั้นจริง ผู้ผลิตรถยนต์ก็จะขายสินค้าได้ยากขึ้นโดยอัตโนมัติ จึงไม่แปลกที่ตอนนี้เห็นยักษ์ใหญ่ในวงการขยับตัวกันมากมาย

อ้างอิง // Reuters

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา