Artificial Intelligence หรือ AI กลายเป็นเรื่องที่ประเทศยักษ์ใหญ่กำลังลงทุนกันอย่างดุเดือด แต่นั่นไม่ใช่กับญี่ปุ่นที่เหมือนจะเพิกเฉยกับเรื่องนี้ และอาจพ่ายแพ้สงครามปัญญาประดิษฐ์ครั้งนี้ก็เป็นได้
หลุดวงโคจรจากกลุ่มประเทศมหาอำนาจ
ถือเป็นเรื่องน่าแปลกใจของญี่ปุ่น หลังรัฐบาลที่นั่นตั้งงบประมาณส่งเสริมเทคโนโลยี AI ปีงบประมาณ 2561 (เริ่ม 1 เม.ย.) ที่ 77,040 ล้านเยน (ราว 23,000 ล้านบาท) ซึ่งคิดเป็นไม่ถึง 20% ของตัวเลขประมาณการสหรัฐอเมริกา กับจีนที่ใช้สนับสนุนเรื่องนี้ที่ 5 แสนล้านเยน กับ 4.5 แสนล้านเยนตามลำดับ (ราว 1.5 กับ 1.3 แสนล้านบาท)
และถึงจำนวนงบประมาณ 77,040 ล้านเยนจะมากกว่าที่ใช้ในปีงบประมาณก่อนถึง 30% แต่มันก็แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลประเทศญี่ปุ่นยังไม่ได้จริงจังกับเรื่อง AI อย่างเต็มที่ แม้จะเห็นประเทศยักษ์ใหญ่ใช้งบประมาณอย่างมหาศาลไปกับเรื่องนี้บ้างแล้วก็ตาม แถมนายกรัฐมนตรี Shinzo Abe ก็มีนโยบายสนับสนุนเรื่องนี้อีกด้วย
เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นกำลังตกอยู่ในสังคมผู้สูงอายุเต็มรูปแบบ และขาดแคลนวัยแรงงานที่จะมาช่วยขับเคลื่อนประเทศเป็นอย่างมาก นั่นทำให้ AI หรือการใช้หุ่นยนต์เข้ามาช่วยในแง่มุมต่างๆ จึงค่อนข้างจำเป็น และต้องทำให้ได้เร็วที่สุด โดยมีบางกระทรวงเริ่มเดินหน้าลงทุนเรื่องนี้อย่างจริงจังบ้างแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม ที่ตั้งบประมาณไว้ 39,300 ล้านเยน เพื่อวิจัย และพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับหุ่นยนต์ในแง่มุมต่างๆ รวมถึงกระทรวงสุขภาพ แรงงาน และสวัสดิการ ก็ตั้งงบประมาณไว้ 19,600 ล้านเยน เพื่อพัฒนา AI ในแง่มุมของการแพทย์ และยารักษาโรค
ขณะเดียวกันบริษัทเอกชนของประเทศญี่ปุ่นก็ใช้เงินลงทุนในเรื่อง AI เทียบไม่ได้กับประเทศอื่นๆ โดยเฉลี่ยแล้วอยู่ที่ 6 แสนล้านเยน/ปี ต่างจากสหรัฐอเมริกาที่ลงทุนกว่า 7 ล้านล้านเยนกับเรื่องนี้ โดยมี Google และ Amazon เป็นผู้นำ รวมถึงบริษัทเอกชนในจีนก็กำลังลงทุนในเรื่องนี้อย่างเต็มที่เช่นเดียวกัน เพราะจะมารอแค่รัฐบาลคงไม่ได้
สรุป
เกมการลงทุนเรื่อง AI ญี่ปุ่นอาจตกขบวนไปแล้ว เพราะเหมือนจะมองไม่เห็นความจำเป็นของเทคโนโลยีดังกล่าว ทำให้ถูกชาติพัฒนาอื่นๆ ทิ้งห่างไปมาก ประกอบกับในอนาคตแทนที่จะเป็นผู้เขียนเทคโนโลยีให้คนอื่นใช้ กลับต้องไปซื้อเทคโนโลยีคนอื่นมาใช้แทน ส่วนในประเทศไทยก็คงไม่ต้องพูดถึง เพราะงบประมาณเรื่องนี้น่าจะยังไม่มีให้เห็น
อ้างอิง // Japan Today
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา