Washington Post รายงานว่า Amazon ได้ทดลองให้ทีมเทคนิคทำงานเหลือเพียงแค่สัปดาห์ละ 30 ชั่วโมง โดยที่จะยังได้รับสวัสดิการต่างๆ เหมือนเดิมแต่จะได้รับค่าจ้างเหลือ 75% ของพนักงาน Full-time ปกติ (40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์)
โดย Amazon ได้วางเป้าหมายสำหรับการทดลองนี้ว่า “ต้องการที่จะสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานให้เหมาะสมสำหรับเวลาทำงานที่ลดลง โดยที่ยังสามารถประสบความสำเร็จและเติบโตได้” โดยไอเดียเกิดขึ้นเนื่องมาจากอีเวนท์ชื่อว่า “Reinventing the Work-Life Ratio for Tech Talent” ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งมีการพูดถึงเนื้อหาในบทความหนึ่งของ NewYork Times ที่บอกว่าวัฒนธรรมการทำงานของ Amazon นั้นค่อนข้างหนักและต้องการมาตรฐานที่สูง
การขยับครั้งนี้เป็นการขยับทางธุรกิจของ Amazon และยังเป็นภาพสะท้อนไปถึงประเด็นใหญ่เรื่องแรงงานของทั้งโลกว่า ระบบอัติโนมัติและเทคโนโลยี (Automation and Technology) จะทำให้ความต้องการแรงงานลดลง ซึ่งแนวโน้มเรื่องนี้ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แต่ทั้งนี้ Amazon เองก็ยังไม่มีแผนที่จะปรับเปลี่ยนชั่วโมงทำงานไปทั้งบริษัท เพียงแต่คาดว่าอาจมีส่วนไปกระตุ้นให้บริษัทมีนโยบายที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งนโยบายนี้นอกจากจะส่งผลดีเรื่อง Work-life Balance ของพนักงานปัจจุบันแล้ว ยังส่งผลดีต่อการจ้างงานผู้หญิงตั้งท้องหรือเพิ่งคลอดเพื่อให้ได้มีเวลาดูแลลูกมากขึ้น
ถือเป็นไอเดียที่มีการถกเถียงกันมาระยะหนึ่งแล้วว่า การลดเวลางานลงจะไปช่วยให้พนักงานมีความคิดสร้างสรรค์และคิดนวัตกรรมใหม่ๆ ได้มากขึ้น เพียงแต่ยังไม่มีบริษัททดลองเอาไปทำจริงๆ รวมถึงค่านิยมในการทำงานยุคใหม่อาจไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าคุณทำงานกี่ชั่วโมง แต่เป็นคุณสามารถผลิตผลงานได้สำเร็จมากแค่ไหนต่างหาก (หลายบริษัทไม่กำหนดเวลาเข้างาน แต่ดูจากผลงานเป็นหลัก)
ประเด็นนี้น่าสนใจด้วยว่า องค์กรในประเทศไทยจะยอมรับนำการทำงานลักษณะนี้มาใช้หรือไม่
ที่มา – Fortune
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา