เรามักจะได้ยินคำแนะนำจากนักวิเคราะห์บ่อยๆ กับคำว่า “ซื้อหุ้นเมื่ออ่อนตัว” ว่าเวลาเห็นหุ้นที่เราชอบและเป็นหุ้นที่ดีตกลงอย่างรุนแรง วิธีนี้อาจใช้ได้ผลดี แต่นักวิเคราะห์รวมถึงเจ้าของ Hedge Fund ชื่อดังในสหรัฐอเมริกาได้ออกความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้อย่างน่าสนใจ
หลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลกได้ตกอย่างพร้อมเพียง ซึ่งทาง Brand Inside ได้เสนอข่าวและมุมมองจากบริษัทหลักทรัพย์ในประเทศไทยไปแล้ว วลีที่ว่า “ซื้อหุ้นเมื่ออ่อนตัว” ได้กลับมาอีกครั้ง ซึ่งบางครั้งนักลงทุนมักจะมีความสงสัยว่าวิธีการลงทุนเช่นนี้ดีจริงหรือไม่?
ผลการทดสอบนั้นดีกว่าที่คิด
ผลการทดสอบจาก Andrew Oxlade นักวิเคราะห์จาก Schroders ซึ่งเป็นบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนชื่อดังได้ทำผลการทดสอบย้อนหลังพบว่าเมื่อดัชนี S&P 500** ตกหนักๆ ในรอบ 10 ปี และส่วนใหญ่ตกเกิน 6% ในวันเดียว ถ้าซื้อแล้วถือยาว 1 ปี แบบไม่ต้องทำอะไรจะพบว่าใน 8 จาก 10 ครั้งจะมีผลตอบแทนที่เป็นบวกเสมอๆ และถ้าหากถือยาวๆ เกิน 5 ปีจะพบว่าผลตอบแทนนั้นเกินกว่า 60% ถึง 7 ใน 10 ครั้ง สอดคล้องกับกูรูอย่าง Mark Mobius เคยกล่าวไว้เมื่อได้มาสัมมนาที่ไทยเดือนที่แล้ว ว่าตลาดหุ้นให้ผลตอบแทนเป็นบวกมีระยะยาวกว่าเสมอ
**Note: ซึ่งตลาดหุ้นไทยมักจะล้อไปกับดัชนีของสหรัฐอเมริกาเสมอ ทั้งก่อนและหลังวิกฤติการการเงิน หรือแม้แต่ช่วงที่ผ่านมาครั้งล่าสุด อ้างอิงจากงานวิจัยของคุณปรมินทร์ จันทร์สกุล
แต่ไม่ได้คิดแบบนั้นกันทุกคน
Luke Ellis ซึ่งเป็นทาง CEO ของ Hedge Fund ชื่อดังอย่าง Man Group ได้บอกว่า การซื้อหุ้นเมื่ออ่อนตัวอาจเป็นวัฒนธรรมที่พูดต่อๆ กันมา โดยเขาบอกว่าประวัติศาสตร์ในการซื้อหุ้นช่วงดัชนีอ่อนตัวลงมาอาจไม่ได้ให้ผลดีเสมอไป ถ้าตลาดมีความผันผวนสูงๆ เขาแนะนำว่าให้มีหุ้นในพอร์ตการลงทุนน้อยที่สุด ถ้าหากตลาดผันผวนน้อยลงเขาแนะนำให้จัดเต็มได้เลย
สำคัญว่าซื้ออะไรไป?
Richard Bernstein ซึ่งเป็น CEO ของ Richard Bernstein Advisors กล่าวว่าเขามองว่าคำถามนั้นอาจผิดไปสักหน่อยว่า “ซื้อหุ้นเมื่ออ่อนตัว” ถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง แต่เขาบอกว่ามันสำคัญตรงที่ว่า “ซื้ออะไรลงไป” ตอนเวลาหุ้นตก เพราะว่าเวลาตลาดหุ้นตกมักจะมีหุ้นขึ้นมาเป็นผู้นำตลาดตัวใหม่ๆ ซึ่งเขามองว่าสำคัญมากๆ
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา