เป็นข่าวลืออยู่ 2-3 วัน ว่า dtac จะมีปลดพนักงานชุดใหญ่หลักพันคนหรือไม่ ซึ่ง ลาร์ส นอร์ลิ่ง CEO ของ dtac ยืนยันชัดเจนว่า ไม่มีแน่นอน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีการปรับลดพนักงานลง เพื่อให้เหมาะสมกับรูปแบบธุรกิจในปัจจุบันมากขึ้น
และวันนี้นอกจากการประกาศผลประกอบการแล้ว dtac ยังประกาศแผนการปรับลดพนักงานลงให้เหลือไม่เกิน 4,000 คน จากปัจจุบัน 4,300 คน ภายในปี 2563 เฉลี่ยปีละ 100 คนโดยประมาณ แต่เหลือไม่เกิน 4,000 แปลว่า อาจจะลดลงมากกว่านี้ก็ได้ ขึ้นกับความเหมาะสม
ลดพนักงานเรื่องปกติ ให้สอดคล้องกับธุรกิจ
ลาร์ส บอกว่า การใช้งานอินเทอร์เน็ตและช่องทางดิจิทัล ได้รับความนิยมมากขึ้น และ dtac ตั้งเป้าสร้างรายได้จากช่องทางดิจิทัลให้มีสัดส่วน 35% จากปัจจุบันมีสัดส่วนเลขตัวเดียว ขณะที่มีพนักงานให้บริการลูกค้าผ่านทางดิจิทัลเพิ่มขึ้นเท่าตัว งบการตลาดก็ถูกโยกไปทางดิจิทัล 65% มากกว่าที่ผ่านมา 3 เท่า
เรียกว่าด้วยเทคโนโลยี ทำให้ความจำเป็นในการใช้พนักงานลดลง แต่สามารถให้บริการผ่านทางออนไลน์และโมบายได้ ในทางกลับกันจึงต้องเพิ่มพนักงานฝ่ายดิจิทัลประมาณ 200 คน (บนเงื่อนไขพนักงานทั้งหมดไม่เกิน 4,000) เพื่อรองรับการเติบโต
หากมองย้อนกลับไปตลอดปีที่ผ่านมา จะเห็นว่า dtac พยายามปรับโครงสร้าง ปรับวัฒนธรรมองค์กร ฝึกอบรมพนักงานให้มีความเป็น “ดิจิทัล” มากขึ้น รวมถึงการทดลองเปิดให้บริการ LINE MOBILE เป็นลักษณะซับแบรนด์ที่แยกจากดีแทคชัดเจน
ผลประกอบการยังดี ปันผล 0.24 บาทต่อหุ้น
ดีแทค ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์ว่า รายได้จากการให้บริการไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่ายในปี 2560 อยู่ที่ 64,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.2% จากปีก่อน อันเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากบริการข้อมูล ส่วน EBITDA อยู่ที่ 30,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% จากปีก่อน อันเป็นผลมาจากการขยายตัวของรายได้จากการให้บริการ
ขณะที่ค่าธรรมเนียมและส่วนแบ่งรายได้ รวมถึงค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารได้ลดลง แต่ก็มีผลกระทบเล็กน้อยจากค่าใช้จ่ายการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นจากการขยายโครงข่ายภายใต้ระบบใบอนุญาต โดยมีกำไรสุทธิ 2,100 ล้านบาท กระแสเงินสดสุทธิจากการดำเนินงาน (คำนวณจาก EBITDA หักด้วยเงินลงทุน) ก็ขยายตัวเกือบเท่าตัวจากปีก่อนเป็น 13,900 ล้านบาทในปี 2560
ขณะที่ ณ สิ้นปี 2560 dtac มีฐานลูกค้าอยู่ที่ 22.7 ล้านราย โดย 98% ลงทะเบียนอยู่ภายใต้ บริษัทดีแทค ไตรเน็ต จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือดีแทค และถือใบอนุญาตใช้คลื่น 2100 MHz จาก กสทช. จำนวนผู้ใช้บริการ 4G เพิ่มขึ้นเป็น 7.2 ล้านราย ส่วนอัตราการใช้งานอุปกรณ์โทรศัพท์ที่รองรับเทคโนโลยี 4G เพิ่มขึ้นเป็น 51% ดีแทคยังคงลงทุนอย่างต่อเนื่องในการขยายโครงข่าย โดยเพิ่มจำนวนสถานีฐานภายใต้ระบบใบอนุญาตขึ้น 32% ในปี 2560 ครอบคลุม 94% ของจำนวนประชากรทั้งหมด
นอกจากนี้ ดีแทคกำลังรอการอนุมัติเพื่อเปิดให้บริการไร้สายความเร็วสูงบนคลื่นความถี่ 2300 MHz ภายใต้ความร่วมมือกับบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เพื่อเพิ่มจำนวนแบนด์วิดท์สำหรับบริการ 4G
สำหรับปี 2561 ดีแทคคาดการณ์ว่ารายได้จากการให้บริการไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่าย และ EBITDA (ไม่รวมค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับข้อตกลงการให้บริการ 2300 MHz ที่มีกับทางทีโอที) จะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังคาดว่าบริษัทจะใช้เงินลงทุนในปี 2561 จะอยู่ที่ระดับ 15,000 -18,000 ล้านบาท
สรุป
ก่อนหน้านี้ธนาคาร SCB ประกาศลดพนักงานในระยะเวลา 3 ปี ครั้งนี้ dtac ประกาศลดพนักงานเช่นเดียวกัน นี่ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว แต่คือสัญญาณที่บอกว่าธุรกิจยุคใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีกำลังปรับลดพนักงาน ลดต้นทุน ถือเป็นเรื่องปกติ สิ่งสำคัญคือ ผลลัพธ์และประสิทธิภาพในการทำงานต่างหาก คือคำตอบที่ควรจับตามอง เพราะถ้าองค์กรไม่ปรับตัว โอกาสอยู่รอดและเติบโตในระยะยาวก็อาจทำได้ยาก
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา