รถยนต์ไร้คนขับ (Autonomous vehicles – AV) ไม่เพียงแต่จะเข้ามาปฏิวัติระบบการขนส่ง แต่ยังจะเข้ามามีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงแนวทางการทำงานและการใช้ชีวิตของประชากรทั่วโลก แต่คำถามที่ตามมาคือ ประเทศต่าง ๆ มีความพร้อมต่ออนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยรถยนต์ไร้คนขับหรือไม่? ดัชนีบ่งชี้ระดับความพร้อมของการใช้รถยนต์ไร้คนขับของเคพีเอ็มจี ประจำปี 2018 หรือ KPMG Autonomous Vehicles Readiness Index 2018 (AVRI) ประเมินการเตรียมความพร้อมของ 20 ประเทศทั่วโลก พร้อมเผยแนวทางการปฏิบัติที่ดีที่สุดเพื่อผลักดันการใช้รถยนต์ไร้คนขับในประเทศต่าง ๆ
“อิสระในการสัญจรด้วยรถยนต์ไร้คนขับจะส่งผลกระทบต่อสังคมในด้านการขนส่ง” ริชาร์ด เธรลฟอลล์ ประธาน ฝ่ายโครงสร้างพื้นฐาน เคพีเอ็มจี อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าว “แต่ในขณะเดียวกัน โอกาสที่ยิ่งใหญ่นี้ก็มาพร้อมความท้าทายต่าง ๆ ที่แต่ละประเทศจำเป็นต้องคำนึงถึงและจัดการเพื่อเตรียมพร้อมรองรับการใช้รถยนต์ไร้คนขับ”
ดัชนี AVRI นับเป็นการสำรวจศักยภาพและความก้าวหน้าของการใช้เทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับในประเทศต่าง ๆ ที่จัดทำขึ้นเป็นครั้งแรก ดัชนีดังกล่าวประเมินความสามารถของแต่ละประเทศทั้งหมด 4 ด้าน ได้แก่ ด้านนโยบายและกฎหมาย ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ด้านโครงสร้างพื้นฐานและด้านการยอมรับของผู้บริโภค ซึ่งในแต่ละด้านมีความเชื่อมโยงกับขีดความสารมารถของแต่ละประเทศในการนำรถยนต์ไร้คนขับมาใช้
ทั้งนี้ ในแต่ละด้านจะประกอบด้วยตัวแปรที่หลากหลาย ที่สะท้อนให้เห็นถึงปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความพร้อมในการรองรับรถยนต์ไร้คนขับ ตั้งแต่ ความพร้อมในการให้บริการของสถานีชาร์จรถไฟฟ้า การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับ ความสนใจในการใช้เทคโนโลยีของประชากร ไปถึงสภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบ
ประเทศที่มีความพร้อมรองรับการใช้รถยนต์ไร้คนขับมากที่สุด
จากการประเมินดัชนีบ่งชี้ระดับความพร้อมของการใช้รถยนต์ไร้คนขับของเคพีเอ็มจี ประจำปี 2018 พบว่า 10 ประเทศที่มีความพร้อมรองรับอนาคตของการขนส่งแบบอิสระมากที่สุด ได้แก่
- ประเทศเนเธอร์แลนด์
- ประเทศสิงคโปร์
- ประเทศสหรัฐอเมริกา
- ประเทศสวีเดน
- สหราชอาณาจักร
- ประเทศเยอรมนี
- ประเทศแคนนาดา
- สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
- ประเทศนิวซีแลนด์
- ประเทศเกาหลีใต้
ประเทศเนเธอร์แลนด์ติด 1 ใน 4 ประเทศที่ได้รับการจัดอันดับสูงในการประเมินทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ การยอมรับการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในวงกว้าง จำนวนสถานีชาร์จรถไฟฟ้าที่มีอยู่มาก เครือข่ายโทรคมนาคมที่แข็งแกร่ง ซึ่งมีความสำคัญต่อการจัดการการสัญจรของรถยนต์ไร้คนขับ และการวางแผนขนาดใหญ่เพื่อทดสอบเทคโนโลยีดังกล่าว ขณะที่ ประเทศอื่น ๆ ใน 5 อันดับแรก มีความแข็งแกร่งที่หลากหลาย โดยประเทศสิงคโปร์มีความพร้อมสูงสุดในด้านนโยบายและกฎหมาย รวมทั้งการยอมรับของผู้บริโภค ประเทศสหรัฐอเมริกาและสวีเดนมีความพร้อมในด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมเป็นอันดับ 1 และ 2 ตามลำดับ และสหราชอาณาจักรติด 1 ใน 5 อันดับแรก จาการประเมินใน 3 ด้านด้วยกัน
ความก้าวหน้าของรถยนต์ไร้คนขับ
ในภาพรวม การพัฒนาด้านเศรษฐกิจของประเทศจะมีความสัมพันธ์กับการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการใช้รถยนต์ไร้คนขับ แต่ในขณะเดียวกัน ยังมีองค์ประกอบอื่น ๆ ที่มักพบเห็นได้ในประเทศที่มีความพร้อมสำหรับรถยนต์ไร้คนขับ ได้แก่ การมีส่วนร่วมและสนับสนุนของหน่วยงานภาครัฐในการพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าว ถนนที่ยอดเยี่ยม โครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายแบบเคลื่อนที่ รวมถึงการลงทุนและการสร้างสรรค์นวัตกรรมของภาคเอกชน
“การวางแผนในวันนี้เพื่ออนาคตของเทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะจะไม่ใช่คำถามที่ว่า รถยนต์ไร้คนขับจะสามารถเป็นรูปแบบการสัญจรที่เป็นที่นิยมมากที่สุดหรือไม่ แต่กลับเป็นคำถามที่ว่า จะเป็น ‘เมื่อไหร่’” เธรลฟอลล์ กล่าว การร่วมมือกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนจะช่วยให้การพัฒนาเทคโนโลยีเป็นไปอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันยังช่วยให้การใช้เทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับสอดคล้องกับนโยบายรัฐอีกด้วย และสิ่งสำคัญคือ การนำผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ตั้งแต่ ภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาชน มาร่วมมือกันเพื่อวางแผนสำหรับรองรับเทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับ ซึ่งไม่ใช่แค่ในเรื่องการขนส่ง แต่เราต้องเตรียมความพร้อมสำหรับผลกระทบของรถยนต์ไร้คนขับต่อชีวิตของเราในทุกมิติเช่นกัน
พบกับดัชนีบ่งชี้ระดับความพร้อมของการใช้รถยนต์ไร้คนขับของเคพีเอ็มจี (AVRI) ประจำปี 2018 ฉบับเต็มได้ที่ kpmg.com/AVRI
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา