นีโอ คอร์เปอเรท เดินเกมจับสินค้ากลุ่มพรีเมี่ยม รับเทรนด์สุขภาพ ความงาม หนีสงครามราคาที่ผู้เล่นในตลาดต่างดัมพ์ราคาเอาใจผู้บริโภค ชู D-nee แบรนด์ดาวรุ่ง เติบโตสูงที่สุด
โฟกัสสินค้าพรีเมี่ยม
การแข่งขันในตลาด FMCG ดุเดือดอยู่ตลอดเวลา กลยุทธ์ส่วนใหญ่มักจะเล่นสงครามราคากัน เพราะเป็นสินค้าที่ลอยัลตี้ต่ำ การตัดสินใจ ณ จุดขายมีผลอย่างมาก การจัดโปรโมชั่นลดแลกแจกแถมจึงกลายเป็นสิ่งที่เห็นได้อยู่ตลอด
นีโอ คอร์ปอเรท หนึ่งในผู้เล่นในตลาดนี้เช่นกัน เป็นแบรนด์สัญชาติไทยแท้ ต้องต่อสู้กับยักษ์ FMCG ทั้งไทย และต่างขาติหลายราย
ซึ่งปัจจุบันนีโอฯ มีแบรนด์ในเครือ 8 แบรนด์ด้วยกัน ได้แก่ Fineline, Eversense, Tross, D-nee, Smart, Benice, Tomi และ Vivite ครอบคลุมทั้งสินค้าภายในบ้าน และสินค้า Personal Care
ในปีนี้นีโอจะครบรอบ 29 ปี “สุทธิเดช ถกลศรี” ประธานกรรมการ และประธานบริหาร บริษัท นีโอ คอร์เปอเรท จำกัด ได้เล่าถึงทิศทางต่อจากนี้ว่า
“ตลาด FMCG ถูกดำเนินมาด้วยสงครามราคามาตลอด ช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจง่าย แต่มันไม่ยั่งยืน ทางนีโอฯ ได้ตัดสินค้าออกจากสงครามนี้มา 2 ปี โดยเน้นที่พัฒนาสินค้าพรีเมี่ยม เน้ที่คุณภาพ เพราะยุคนี้คนยอมจ่ายเพิ่มถ้าได้สินค้าคุณภาพ ก็ทำให้บริษัทเราเติบโตได้ดี ในขณะที่ตลาดทรงๆ ไม่โตเท่าไหร่”
ทั้งนี้ในช่วงปลายปี 2016 นีโอฯ ได้ทำการ Re-management องค์กรใหม่ มีการปรับลดจำนวนสินค้าลงจาก 600 SKU เหลือ 400 SKU เช่น สินค้าที่ไม่นิยม ไม่สร้างยอดขายก็ตัดออก อน่าง Fineline ลดเหลือ 4 สี จาก 8 สี เพื่อให้การทำตลาดง่ายขึ้น
ทางนีโอฯ จึงให้ความสำคัญกับการวิจัย และพัฒนา มองว่าผู้บริโภคต้องการอะไร และมองเทรนด์ในแต่ละช่วง มีการใช้งบ R&D สัดส่วน 2% ของยอดขายในแต่ละปี
ลงทุนโรงงานใหญ่ในรอบ 10 ปี
ในปีนี้ได้ลงทุนโรงงานใหม่ด้วยงบกว่าพันล้าน ในพื้นที่ 190 ไร่ ย่านคลอง 13 เพื่อรองรับการเติบโตของบริษัท ทั้งผลิตสินค้าในประเทศ และส่งออก โดยโรงงานนี้จะเป็น Warehouse Automation มีระบบคลังสินค้าอัตโนมัติ เครื่องจักรใหม่ เพื่อขยายการผลิต
D-nee ดาวรุ่ง / อาจแตกไลน์ไปอาหาร
จากทั้งหมด 8 แบรนด์ในเครือ 3 แบรนด์ที่สร้างรายได้มากที่สุด ได้แก่ Fineline, D-nee และ Benice สร้างยอดขายรวมในสัดส่วน 70%
แต่แบรนด์ที่เป็นดาวรุ่งสร้างการเติบโตมากที่สุดคือ D-nee ในปีที่ผ่านมามีการเติบโต 30% ขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งในตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์ออแกนิกสำหรับเด็ก
การเติบโตของ D-nee มาจากคอมมูนิตี้ของคุณแม่ยุคนี้ที่มีการแชร์เคล็ดลับการดูแลลูกบนโลกออนไลน์ จึงมีการบอกต่อกันปากต่อปาก แผนต่อไปก็จะออกสินค้าใหม่ๆ ให้ครบทุกกลุ่ม ยังเน้นพรีเมี่ยมอยู่
ในอนาคตมีแผนแตกไลน์สินค้ากลุ่มใหม่ๆ ในเครือ โดยที่อาหารเป็นกลุ่มที่ให้ความสนใจ แต่ยังอยู่ในช่วงศึกษาอยู่
ในปี 2017 นีโอฯ มีรายได้รวม 6,000 ล้านบาท เติบโต 10% ตั้งเป้าในปี 2022 มีรายได้ 10,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนการส่งออก 12% ตั้งเป้าจะเพิ่มเป็น 20% ใน3 ปี
สรุป
– เป็นการวางทิศทางของตัวเองที่ต่างจากในตลาด ทำให้ยังสร้างการเติบโตได้อยู่ เพราะถ้าลงไปเล่นในสงครามราคา ลอยัลตี้ต่อแบรนด์ยิ่งต่ำ ต้องพัฒนาสินค้าให้ผู้บริโภคสนใจ และอยู่กับแบรนด์นานๆ
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา