การเปิดร้านกาแฟเป็นความฝันของใครหลายคน (ที่พังทลายลงไปแล้ว เพราะเปิดแล้วโอกาสเจ๊งมากกว่าเจ๋ง) แต่สำหรับบางคน การขายกาแฟข้างถนน หรือขายบนรถ (ทั้งรถเข็นและรถมอเตอร์ไซค์พ่วง) ซึ่งหลายอาจจะเรียกว่า กาแฟโบราณ สามารถหาเลี้ยงชีพได้จริง
คอปเปอร์ คราวน์ บริษัทที่ดำเนินธุรกิจกาแฟ เห็นว่า ตลาดกาแฟข้างถนนลักษณะนี้ ยังไม่มีแบรนด์ทำตลาดที่ชัดเจน และรสชาติกาแฟที่ไม่มีมาตรฐาน ความอร่อยขึ้นอยู่กับฝีมือคนชง ซึ่งเมื่อสำรวจตลาดแล้วพบว่า ตลาดกาแฟข้างถนน มีมูลค่าไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี และเป็นโอกาสทางธุรกิจให้ คอปเปอร์ คราวน์ ในการเปิดตลาดระดับล่าง จึงตั้งแบรนด์ Street Coffee ขึ้นมา
สร้างมาตรฐานด้วยการชงแบบ Street Pot
จุฬาวัลย์ พงษ์สุทธิมนัส กรรมการบริหาร ของ คอปเปอร์ คราวน์ บอกว่า ตลาดร้านกาแฟ ระดับกลางและบนแข่งขันกันหนักหน่วงมาก มีแบรนด์ต่างประเทศเข้ามาทำตลาดเยอะ แต่ตลาดล่างยังว่างอยู่ นอกจากราคาเข้าถึงได้ รสชาติต้องมีมาตรฐานที่ใกล้เคียงกันทุกแก้ว แต่เมื่อไม่มี Coffee Machine หรือเครื่องชงกาแฟ ซึ่งมีราคาสูงและไม่สามารถพกพาไปได้ Street Coffee จึงคิดค้น Street Pot หรือหม้อต้มกาแฟแรงดันน้ำ สามารถทำ Espresso Shot ได้โดยไม่ต้องใช้เครื่อง
ปัจจุบันรูปแบบการชงกาแฟแบบ Street Pot กำลังเป็นที่นิยมแพร่หลายในยุโรป เนื่องจากเป็นกาแฟที่รูปแบบเฉพาะ และตัวหม้อต้มมีความทนทานสูง บำรุงรักษาง่าย การใช้งานไม่ยุ่งยากซับซ้อน หลักการคือ ใช้แรงดันไอน้ำเพื่อกลั่นกาแฟเอสเพรสโซ่ จึงได้รสชาติที่มีความเสถียรกว่าการชงแบบกาแฟโบราณ และสามารถเคลื่อนที่ไปกับรถได้
Street Coffee กาแฟข้างถนนที่ทุกคนดื่มได้
Street Coffee เป็นรูปแบบแฟรนไชส์ ที่คอปเปอร์ คราวน์ คิดค้นขึ้นมา โดยมีค่าแฟรนไชส์พร้อมอุปกรณ์ครบ รวมรถ 3 ล้อไฟฟ้า เริ่มต้นขายได้ทันที ราคา 99,000 บาท แต่เพื่อให้ผู้ขายไม่ต้องลำบากหาเงินก้อน และสามารถเริ่มต้นธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว คอปเปอร์ คราวน์ ได้เจรจากับธนาคาร จัดการผ่อนชำระให้ผู้ขายที่สนใจเป็นแพ็คเกจ 9,900 บาท ระยะเวลา 10 เดือน (ผ่อน 0% 10เดือน) ดังนั้น ผู้ขายสามารถลงทุนเริ่มต้น 9,900 บาท และขายกาแฟพอครบเดือน นำเงินมาผ่อนชำระได้ต่อ
สำหรับราคาขายกาแฟ และชาของ Street Coffee คิดราคา 30 บาททุกแก้วเท่ากันหมด (แก้วเย็น 20 ออนซ์ และแก้วร้อน 8 ออนซ์) หากผู้ขายสามารถขายได้ 100 แก้วต่อวัน จะมีกำไร 50% ของรายได้ ซึ่งการมีรสชาติที่เป็นมาตรฐาน ราคาที่เข้าถึงได้ ขอแค่หาทำเล ขายที่ดี ซึ่งการมีรถ 3 ล้อไฟฟ้า ทำให้ผู้ขายสามารถไปได้ทุกที่ และสามารถสั่งวัตถุดิบเพิ่มเติมได้หลากหลายช่องทาง เช่น LINE และจะมีการจัดส่งไปให้
รถสามล้อไฟฟ้า พาไปได้ทุกที่
จุฬาวัลย์ บอกว่า จุดเด่นที่สร้างความแตกต่างคือ ด้วยค่าแฟรนไชส์ 99,000 บาท ผู้ขายจะได้อุปกรณ์รวมกว่า 40 รายการ (เครื่องชง และ วัตถุดิบ) และมีรถสามล้อไฟฟ้า พร้อมขายทันที เทียบกับแบรนด์อื่นๆ ที่มีทำตลาดอยู่บ้าง จะคิดค่าแฟรนไชส์ประมาณ 2 แสนบาท
สำหรับรถสามล้อ มีการออกแบบลักษณะเดียวกับร้านกาแฟในยุโรป ใช้วัสดุสแตนเลส ตัวรถใช้โทนสีเหลืองสดใส สร้างการจดจำได้ง่าย ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าช่วยผ่อนแรงในการปั่น โดยชาร์จไฟฟ้า 1 คืน สามารถใช้งานได้ 20-30 กิโลเมตร หรือหากผู้ขายมีจุดขายประจำ จะเลือกร้านแบบตั้งประจำที่ก็ได้
เริ่มต้นทดลองตลาดแล้วกับ Street Coffee
Street Coffee เริ่มให้บริการสาขาแรกย่านอารีย์ – สะพานควาย ประมาณ 2-3 สาขา เพื่อเป็นการทดลองตลาด ดู feed back จากลูกค้าเพื่อมาปรับปรุงเพิ่มเติม เพราะตลาดล่าง เป็นตลาดที่มีปัจจัยเกี่ยวข้องเยอะ โดยตั้งเป้าขยายให้ได้ 50-100 สาขาในปีนี้ และภายใน 3-5 ปี จะขยายให้ได้ 1000 สาขา
ก่อนหน้าที่จะเปิดตัว Street Coffee คอปเปอร์ คราวน์ ได้เปิดตัว Staff Coffee สำหรับเจาะตลาดพนักงานออฟฟิศ มาก่อนหน้านี้ โดยปัจจุบันมี 11 สาขา เตรียมขยายอีก 5 สาขาในปีนี้ โดยมุ่งเจาะตลาด food court เพิ่มขึ้น และทำร้านกาแฟในลักษณะ food truck
คอปเปอร์ คราวน์ ตั้งเป้ารายได้จากธุรกิจกาแฟ (Coffee Line) เช่น Street Coffee และ Staff Coffee รวมถึงธุรกิจอื่นๆ (Non Coffee Line) ประมาณ 150 ล้านบาทในปีนี้ และตั้งเป้าปีนี้เติบโต 100% เป็นรายได้แตะ 300 ล้านบาท
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา