มีสัญญาณว่าราคาน้ำมันจะปรับตัวสูงขึ้น ทั้งระดับโลกและส่งผลถึงในประเทศไทย ทั้งในภาคอุตสาหกรรมและผู้ใช้ทั่วไป โดยเฉพาะคนที่มีรถยนต์ส่วนตัว ต้องติดตามข่าวนี้อย่างใกล้ชิด ว่าน้ำมันจะขึ้นไปถึงราคาเท่าไร
ราคาน้ำมันโลกปี 2561 ปรับตัวอยู่ในกรอบจำกัด จากตัวแปรด้านนโยบายการเมือง การเติบโตของเศรษฐกิจในซีกโลกตะวันออกและตะวันตก และการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยียุคดิจิทัล รวมถึงทิศทางอุตสาหกรรมยานยนต์ในอนาคตที่เน้นการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและผลักดันพลังงานทดแทน
ทีมนักวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันของกลุ่ม ปตท. (PRISM) กลุ่ม ปตท. สรุปทิศทางและแนวโน้มสถานการณ์น้ำมันดิบของโลกในปี 2561 จะขยายตัวเพิ่มขึ้น 1.4 -1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน สอดคล้องกับมูลค่าตลาดของสินค้าและบริการ หรือ GDP ของโลก ที่ขยับตัวสูงขึ้น 3.7% สาเหตุด้านเศรษฐกิจในประเทศกำลังพัฒนามีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว เช่น ประเทศจีนและอินเดีย ที่ขยายการลงทุนด้านอุตสาหกรรมตลอดจนโครงสร้างพื้นฐาน จึงทำให้ความต้องการด้านพลังงานพุ่งสูงขึ้นอย่างมหาศาล
แม้รถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle) จะได้รับความนิยมมากขึ้น แต่จำนวนรถยนต์ไฟฟ้ามีสัดส่วนเพียง 0.1% ของรถยนต์ทั้งหมด รวมถึงความไม่ชัดเจนเกี่ยวกับปฏิบัติตาม Paris Agreement (COP21) ส่งผลให้ อุปสงค์น้ำมันจะยังคงเติบโตต่อเนื่องในปี 2561
นอกจากนี้ ปัจจัยด้านอุปทานที่ส่งผลถึงราคาน้ำมันยังรวมถึงการปรับลดกำลังการผลิตเพื่อให้ตลาดเข้าสู่ภาวะสมดุลตามข้อตกลงของกลุ่มผู้ผลิต OPEC และ Non-OPEC การที่สหรัฐกลับมาผลิต Shale Oil เพิ่มขึ้น รวมถึงการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการผลิต ทำให้ภาคการผลิตน้ำมันขยายตัวด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมสถานการณ์น้ำมันดิบของโลกในปี 2561 ยังมีความผันผวนโดยคาดหมายว่าราคาน้ำมันจะปรับอยู่ในระดับ 52-57 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล โดยมีปัจจัยอื่นๆ ที่ต้องติดตาม ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีในยุคดิจิทัล นโยบายการเมือง เศรษฐกิจในซีกโลกตะวันออกและตะวันตก รวมถึงทิศทางอุตสาหกรรมยานยนต์ในอนาคตจะเน้นการผลิตรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าและพลังงานทดแทนเพิ่มขึ้น
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา