
ในสภาวะเศรษฐกิจและภูมิทัศน์ทางการตลาดของยุคนี้ที่การแข่งขันไม่ได้จำกัดอยู่แค่เรื่องของ รสชาติ หรือ ราคา อีกต่อไป แบรนด์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่างกำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ในการแย่งชิงพื้นที่ความสนใจจากผู้บริโภค โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z ซึ่งเป็นกลุ่มประชากรที่มีอิทธิพลสูงสุดต่อทิศทางของตลาดในปัจจุบัน
คนกลุ่มนี้ไม่ได้มองหาเพียงแค่สินค้าที่ตอบโจทย์ฟังก์ชันพื้นฐาน แต่มองหาแบรนด์ที่มี Attitude ตรงกับตนเอง มีความเข้าใจในไลฟ์สไตล์ที่ยืดหยุ่น และที่สำคัญที่สุดคือ ต้องมี Taste หรือรสนิยมที่พวกเขาสามารถหยิบยกมาเป็นส่วนหนึ่งของการบ่งบอกตัวตนได้
ล่าสุด BLEND285 Signature ได้สร้างแรงกระเพื่อมครั้งสำคัญให้กับวงการเครื่องดื่มไทยในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2025 ด้วยการเปิดตัวแคมเปญการตลาดที่ผสมผสานนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์เข้ากับเทรนด์การสื่อสารยุคใหม่ โดย Takeover พื้นที่ของกลุ่มเป้าหมาย Gen Z ภายใต้คอนเซปต์ BLEND 2in1 Pack
Brand Inside จะพาผู้อ่านไปถอดรหัสเบื้องหลังกลยุทธ์นี้ว่า เหตุใดการขยับตัวครั้งนี้จึงเป็นมากกว่าแค่การออกแพ็กเกจจิ้งใหม่ตามฤดูกาล แต่เป็นการ ปฏิวัติการกินดื่มแบบใหม่ ที่ใช้ Design Thinking แก้ Pain Point ของผู้บริโภค พร้อมกับการวาง Positioning ของแบรนด์ให้ครองใจคนรุ่นใหม่ด้วยคำว่า Taste ดี
เมื่อ Packaging ไม่ใช่แค่ “กล่อง” แต่คือ “Experience”
ในตำราการตลาดยุคเก่า หน้าที่ของ Packaging คือการปกป้องสินค้า และให้ข้อมูล แต่สำหรับ
BLEND 285 Signature ในแคมเปญนี้ พวกเขามองข้ามช็อตไปสู่การสร้าง Functional Experience
การเปิดตัว BLEND285 Signature 2in1 pack ของ BLEND285 Signature ถือเป็นครั้งแรกของวงการและครั้งแรกของแบรนด์ที่กล้าฉีกกฎเดิม ๆ ด้วยการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่สามารถ Transform หรือเปลี่ยนการใช้งานจากกล่องใส่ขวด ให้กลายเป็นแก้วเครื่องดื่มได้ถึง 2 ใบในตัวแพ็กเดียว
หากวิเคราะห์ในมุมผู้บริโภค นี่คือการตอบโจทย์พฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ที่รักความสะดวกสบาย และความลื่นไหลในการใช้ชีวิต Gen Z มักมีการสังสรรค์ที่เกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลาโดยไม่ได้วางแผนล่วงหน้า ซึ่งปัญหาที่พบบ่อยคือ อุปกรณ์ไม่พร้อม หรือ ขาดแก้ว การที่แบรนด์นำเสนอโซลูชัน “แพ็กเดียวจบ พร้อมแก้วจิบ พร้อม BLEND ได้ทุกที่ พร้อมตี้ไดทุกเวลา” จึงเป็นการเข้าไปแก้ปัญหาหน้างานได้อย่างตรงจุด
นอกจากฟังก์ชันแล้ว ในแง่ของ Emotional Value ดีไซน์ของแพ็กเกจจิ้งยังถูกออกแบบมาให้สะท้อนความเท่ และคูล ผ่านลวดลายที่ได้แรงบันดาลใจมาจากความลื่นไหลและความสมูท พร้อมคู่สีที่แบรนด์นิยามว่าเป็น “Taste ดี แค่มี Signature ตามสไตลในแบบ BLEND” สิ่งนี้เปลี่ยนสถานะของสินค้าให้กลายเป็น Item ที่ขาดไม่ได้ในวงปาร์ตี้ ที่ผู้บริโภคกล้าที่จะถือโชว์ ถ่ายรูป หรือวางประดับในวงสังสรรค์ ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรม Instagrammable ของผู้บริโภคยุคนี้ที่ทุกโมเมนต์ต้องดูดีพร้อมแชร์

เมื่อสินค้ามีความโดดเด่นแล้ว โจทย์ต่อมาคือ ทำอย่างไรให้คนเห็นและพูดถึง? ในยุคที่ผู้คนเริ่มเมินเฉยต่อโฆษณาแบบดั้งเดิม BLEND 285 Signature จึงเลือกใช้กลยุทธ์เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างตรงจุด และสร้างกระแสให้เป็นที่พูดถึง
กลยุทธ์นี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การทำกรากราฟิกสวย ๆ แต่คือการสร้าง “Visual Impact” ที่ทำให้ผู้ชมต้องหยุดนิ้วโป้งเพื่อดูซ้ำ เพราะมันดูน่าตื่นตาตื่นใจ และนำสิ่งที่พบเจอในชีวิตประจำวันมาประยุกต์ การทำแบบนี้เองที่กระตุ้นให้เกิด Engagement และ Shareability สูงกว่าโฆษณาทั่วไปหลายเท่า
แบรนด์เลือกที่จะ “บุก Takeover ถิ่นเจนซี” ด้วยการนำลวดลายกราฟิกที่เป็น Identity ของ BLEND 2in1 Pack ไปแรปตามสถานที่ที่เป็น Strategic Locations ของเหล่า Gen Z ทั้งจุดเชื่อมต่อของคนรุ่นใหม่ รวมถึงพื้นที่แฮงก์เอาต์ของพวกเขาด้วย เพื่อให้ตระหนักรู้ถึงแบรนด์ในวินาทีที่กำลังตัดสินใจเลือกเครื่องดื่ม

ถอดรหัส “Taste ดี” การตลาดที่เล่นกับ “รสนิยม”
หัวใจสำคัญของแคมเปญนี้ถูกสรุปผ่านประโยคสั้น ๆ ว่า “Taste ดี แค่มี Signature”
ในมุมมองของ Brand Inside การเลือกใช้คำว่า “Taste” (ภาษาอังกฤษ) ผสมกับ “ดี” (ภาษาไทย) ก็ดูน่าสนใจ เพราะคำว่า Taste ในบริบทของคนรุ่นใหม่ ไม่ได้แปลว่า “รสชาติ” เพียงอย่างเดียว แต่หมายถึง “รสนิยม” การเลือกใช้ฟอนต์ และการวาง Art Direction ล้วนถูกออกแบบมาเพื่อสร้าง Perception ว่าแบรนด์นี้คือตัวแทนของคนที่มีรสนิยมดี
แบรนด์กำลังทำหน้าที่เป็นผู้สนับสนุนให้ผู้บริโภครู้สึกมั่นใจ เมื่อพวกเขาถือแพ็กเกจจิ้งนี้ พวกเขาไม่ได้แค่ถือขวดเครื่องดื่ม แต่กำลังถือสัญลักษณ์ที่บอกว่า “ฉันเป็นคนมีสไตล์” ซึ่งเป็นความต้องการลึก ๆ ของมนุษย์ที่ต้องการการยอมรับในสังคม
แคมเปญ BLEND 285 Signature 2in1 pack แสดงให้เห็นว่า นวัตกรรมไม่จำเป็นต้องซับซ้อน แต่ต้องตอบโจทย์การใช้งานจริง และการสื่อสารไม่จำเป็นต้องตะโกนขายของ แต่ต้องสร้างความน่าสนใจผ่านความคิดสร้างสรรค์
การขยับตัวของ BLEND285 Signature ครั้งนี้ ไม่ใช่แค่การกระตุ้นยอดขายในช่วงเทศกาล แต่เป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์ความเป็นผู้นำตลาดที่เข้าใจ Insights ของ Gen Z อย่างแท้จริง การผสมผสานระหว่าง Product, Design และ Technology ทำให้แบรนด์สามารถก้าวข้ามข้อจำกัดเดิม ๆ และสร้างพื้นที่ของตัวเองในใจผู้บริโภคได้อย่างแข็งแกร่ง
สำหรับนักการตลาด นี่คือบทพิสูจน์ว่า หากแบรนด์สามารถเปลี่ยน “สินค้า” ให้กลายเป็น “ประสบการณ์” และเปลี่ยน “โฆษณา” ให้กลายเป็น “คอนเทนต์ที่น่าติดตาม” ได้ แบรนด์นั้นก็พร้อมที่จะเป็น Signature ที่ผู้คนจดจำ
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา