ท่ามกลางกระแสข่าวปลดคน ยุติการออกอากาศของช่องทีวีดิจิทัลหลายๆ แห่ง และการขอ กสทช. พิจารณาเว้นจ่ายค่างวดใบอนุญาตเป็นเวลา 3 ปี แปลว่าสถานการณ์โดยรวมของทีวีดิจิทัล ไม่ค่อยดีนัก แต่ในอีกมุมหนึ่ง การทำธุรกิจก็ต้องคิดกลยุทธ์มาเพื่อสร้างรายได้
ปรับผัง ขอเรตติ้งขึ้นอันดับ 3
ด้าน “เฮียฮ้อ” สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) บอกว่า เรตติ้งของช่อง 8 เป็นไปในทิศทางที่ดี ตามเป้าหมายที่จะจบประมาณ 500,000 รายต่อนาทีภายในสิ้นปีนี้ โดยได้รับการตอบรับจากคอนเทนต์ทั้งในและต่างประเทศ เช่น คุยข่าวเช้า, รายการมวย และซีรีส์ หนุมาน สงครามมหาเทพ
เมื่อแนวโน้มดี อาร์เอส จึงชิงปรับผังรายการใหม่ โดยเริ่มตั้งแต่ 8 ม.ค. ตามแนวคิด “เข้มทุกเรื่องราว สุดทุกอารมณ์” โดยใช้กลยุทธ์ Primetime Focus ทุ่มงบดึงคอนเทนต์พรีเมียมลงช่วง 2 เวลาหลัก คือ เวลา 06.00-09.00 น. และเวลา 18.00-22.30 น. ผลักดันให้เรตติ้งเติบโตถึง 700,000 รายต่อนาที ก้าวสู่อันดับ 3 ทีวีดิจิทัล ภายในสิ้นปีหน้า
จับมือเอไอเอสผลิตรายการใหม่
นอกจากนี้ อาร์เอส ได้จับมือ เอไอเอส ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ผลิตรายการใหม่ “เกมเรียงเบอร์” ดูทุกวัน… ลุ้น “เงินล้าน” ทุกวัน กับเกมโชว์วาไรตี้ให้เบอร์มือถือคนดูมีค่า 2 ล้านบาท ออกอากาศวันจันทร์ถึงศุกร์ เวลา 17.10 น. นอกจากนั้นเดือนกุมภาพันธ์จะผลิตรายการใหม่ “มือ 1 สู้ฟัด” วาไรตี้เกมโชว์แข่งขันอาชีพเพื่อกระชับความสัมพันธ์ของคนในท้องถิ่น
พร้อมเปิดช่วงเวลา 18.20 น. จันทร์ถึงศุกร์ นำเสนอซีรีส์อินเดียแนวร่วมสมัย “ลิขิตแค้นแสนรัก” เป็นซีรีส์ที่กวาดรางวัลการันตีมาออกอากาศ และซื้อมาเพิ่มอีก 3 เรื่องสำหรับออนแอร์ต่อไป ได้แก่ ตระกูลแค้นแสนรัก ผู้พิทักษ์ที่รักเธอ และอสรพิษรักข้ามภพ พร้อมกับขยายเวลา “หนุมาน สงครามมหาเทพ” วันจันทร์ถึงพฤหัสบดี เวลา 19.20 น. และวันศุกร์ เวลา 19.00 น.
ขณะที่เตรียมจัดงานบวงสรวงเปิดกล้องถ่ายละครใหม่ 4 เรื่องรวดเดียวในไตรมาสแรก ได้แก่ พ่อปลาไหล สาปกระสือ ซิ่นลายหงส์ และมัจจุราชฮอลิเดย์
เปลี่ยนไปทำธุรกิจค้าขาย แต่ยังไว้ลายธุรกิจสื่อ
เฮียฮ้อ บอกก่อนหน้านี้ว่า ปี 2018 จะเป็นปีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ โดยธุรกิจหลักจะไม่ใช่ธุรกิจสื่ออีกต่อไป แต่จะเป็นธุรกิจพาณิชย์ โดยตั้งเป้ารายได้ธุรกิจความสวยงามนำมาเป็นอันดับ 1 กว่า 5,300 ล้านบาท ส่วนรายได้จากจากสื่อจะเป็นอันดับ 2 ประมาณ 2,500 ล้านบาท
แต่รายได้จากการโฆษณาผ่านช่อง 8 ก็ยังมีความสำคัญ และจะมีการปรับขึ้นค่าโฆษณาประมาณ 45% จากปัจจุบันเฉลี่ย 30,000 บาทต่อนาที เป็น 40,000 – 50,000 บาท และใช้สื่อในมือเพื่อขายสินค้า โดยปีหน้าคาดว่าจะมีธุรกิจใหม่ออกตลาด อีก 2-3 ตัว
สรุป
สำหรับเรตติ้ง อันดับ 1 และ 2 ยังคงเป็น ช่อง 7 และ 3 อยู่เช่นเดิม แต่อันดับ 3 นั้น อาร์เอส ต้องขับเคี่ยวกับช่อง Workpoint เจ้าพ่อเกมโชว์ที่มีรายการดีๆ อยู่ไม่น้อย และยังมีอีกหลายช่องที่มาแรงไม่น้อย เช่น GMM25, MONO29 เป็นต้น เรียกว่าใน TOP10 ทีวีดิจิทัล การแข่งขันดุเดือดสุดๆ
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา