พูดถึงแบรนด์ที่เข้ามาเขย่าตลาด EV ไทยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หลายคนอาจนึกถึง ‘BYD’ ทั้งยอดขาย โมเดลใหม่ และฐานผลิตในไทยที่เริ่มส่งออกจริงจัง จนหลายฝ่ายจับตาว่า BYD จะเดินต่ออย่างไร เมื่อสิทธิประโยชน์ด้านภาษีกำลังจะเปลี่ยนไป

ภายในงาน ‘Motor Expo 2025’ ปีนี้ ‘หลิว เสวียเลี่ยง’ ผู้บริหารฝ่ายขายประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ BYD พูดถึงภาพรวมการเติบโตของบริษัทในไทยว่า เห็นถึงความสนใจจากผู้บริโภคตั้งแต่เริ่มเข้ามาทำตลาด
โดยยอดผู้ใช้ BYD ในไทยอยู่ที่กว่า 100,000 ราย สะท้อนว่าตลาดไทยมีบทบาทสำคัญ ขณะเดียวกัน การผลิต NEV ทั่วโลกสะสมที่ 14 ล้านคันแล้ว
‘หลิว’ ยังพูดถึงความคืบหน้าของฐานผลิตที่ระยอง ซึ่งเพิ่งฉลองการส่งมอบรถคันที่ 70,000 รวมถึงเครือค่ายโชว์รูมและศูนย์บริการ 176 แห่งทั่วประเทศ และการขยายไลน์อัปในไทยอย่างต่อเนื่อง เช่น ‘SEAL 5 DM-i’ รุ่นล่าสุดในกลุ่ม PHEV
พร้อมเล่ากรณีรถที่ผลิตในไทยอย่าง ‘BYD Seal 06’ ขับจากกรุงเทพไปถึงปักกิ่งระยะทาง 5,000 กิโลเมตร ซึ่งบริษัทมองว่า เป็นสัญลักษณ์ของความร่วมมือระหว่างไทย-จีน
นอกจากนี้ บริษัทระบุว่า ‘ไทย’ กำลังถูกพัฒนาให้เป็นฐานสำคัญของภูมิภาคและยุโรป ผ่านการส่งออกรถที่ผลิตจากโรงงานในไทย ซึ่ง BYD มองว่า อุตสาหกรรมไทยมีศักยภาพรองรับการเติบโตระยะยาวในตลาด NEV
ด้าน ‘ประธานวงศ์ พรประภา’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ Rêver ตัวแทนจำหน่าย BYD ในไทย อธิบายผลกระทบที่ผู้บริโภคต้องเตรียมรับ หลังมาตรการ EV 3.0 จะสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2568
โดยรุ่นที่ผลิตในไทยอย่าง ‘DOLPHIN’ และ ‘ATTO 3’ จะไม่ได้รับเงินสนับสนุน 150,000 บาทเหมือนเดิม แต่จะเหลือ 50,000 บาทภายใต้ EV 3.5 ขณะที่รถนำเข้าอย่าง SEAL, M6, SEALION 7, และ DENZA D9 จะไม่ได้รับเงินสนับสนุนเลย แถมยังถูกปรับภาษีสรรพสามิตจาก 8% เป็น 10%
‘ประธานวงศ์’ ยังเล่าถึงพัฒนาการของ Rêver ตั้งแต่ปี 2565 ที่เริ่มนำ ATTO 3 เข้ามาทำตลาด และสร้างยอดขายกว่า 30,000 คันในปีแรก ก่อนจะขยายไลน์อัปด้วย DOLPHIN และ SEAL จนขึ้นเป็นผู้นำยอดจดทะเบียนในปี 2566 และตามด้วยรุ่นใหม่อีกหลายโมเดลต่อเนื่อง
รวมถึงแบรนด์ลักชัวรี ‘DENZA’ ที่เปิดตัวในไทยช่วงปลายปีที่ผ่านมา สำหรับปี 2568 บริษัทเปิดเกมด้วย ‘SEAL 5 DM-i’ เพื่อเพิ่มทางเลือกในกลุ่ม PHEV
ภาพรวมทั้งหมด ทำให้ตลาดไทยกำลังเดินเข้าสู่ช่วงที่การแข่งขันของ EV จะสะท้อนราคา และต้นทุนจริงมากขึ้น ผู้เล่นอย่าง BYD และ Rêver ต้องพิสูจน์ว่ากลยุทธ์ที่ใช้มาต่อเนื่อง ยังเพียงพอต่อการรักษาความนิยม หลังสิทธิประโยชน์รัฐปรับเงื่อนไข
ขณะเดียวกันผู้บริโภคก็จะมีโอกาสเลือกจากเทคโนโลยี ประสบการณ์ใช้งาน และเครือข่ายบริการ มากกว่าการตัดสินใจจากตัวเลขเงินอุดหนุนแบบที่ผ่านมา
- BYD ประเทศไทย เตรียมขึ้นราคารถหลายรุ่นในปี 2569 เพราะมาตรการ EV 3.0 ของรัฐจะสิ้นสุดลง
- ผู้บริหาร BYD ยอมรับเอง สงครามราคาที่สร้างขึ้น ไม่ยั่งยืนสำหรับวงการรถยนต์ไฟฟ้า
ที่มา: Motor Expo 2025
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา