ธนาคารกสิกรไทย (KBank) ผนึกกำลังกับ Orbix Technology และ StraitsX ประกาศเปิดตัวโครงการ “Seamless Travel Payments on Chain” ในงาน Singapore FinTech Festival 2025 เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินข้ามพรมแดนยุคใหม่ ด้วยการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาเชื่อมโยง “เงินดิจิทัลภายใต้การกำกับดูแล” (Regulatory-Complaint E-Money) ของทั้งสองประเทศเข้าไว้ด้วยกัน

การประกาศความร่วมมือครั้งนี้ได้รับเกียรติจากผู้บริหารระดับสูงขององค์กรในด้านการเงินและเทคโนโลยี รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐ ในการเข้าร่วมฟังการเปิดตัวโครงการนี้ ได้แก่
- คุณขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย
- ดร.กรินทร์ บุญเลิศวณิชย์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย
- Mr. Tianwei Liu, Co-Founder & CEO, StraitsX
- ดร.รุ่ง มัลลิกะมาส รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย
- Mr. Leong Sing Chiong, Deputy Managing Director – Markets & Development, MAS
- คุณจิรัชณา บุญธรรม Head of Marketing & Community, Orbix Technology
- Mr. Justin Kim, Head of Asia, Ava Labs
โครงการนี้ถือเป็นหนึ่งในโครงการสำคัญระดับภูมิภาค ภายใต้ “BLOOM” (Borderless, Liquid, Open, Online, Multi-currency) ซึ่งเป็นความร่วมมือของนานาชาติที่นำโดยธนาคารกลางสิงคโปร์ (MAS) ซึ่งโครงการ Seamless Travel Payments on Chain” มีเป้าหมายสูงสุดคือการยกระดับประสบการณ์การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว และวางรากฐานสู่ระบบการเงินดิจิทัลระดับภูมิภาคที่มั่นคงและปลอดภัยโดยมีพันธมิตรสำคัญ ได้แก่
- KASIKORNBANK (KBank) ธนาคารชั้นนำของไทยที่เป็นผู้นำในการขับเคลื่อนนวัตกรรมทางการเงิน และโครงสร้างพื้นฐานการเงินดิจิทัล พร้อมให้บริการแอปพลิเคชั่น Q Wallet by KBank ที่ตอบโจทย์การใช้จ่ายยุคใหม่อย่างมั่นใจและปลอดภัย
- Orbix Technology and Innovation บริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทย ผู้เชี่ยวชาญด้านบล็อกเชน และเป็นผู้พัฒนาบล็อกเชน Quarix
- StraitsX Major Payment Institution ที่ได้รับใบอนุญาตจาก MAS และเป็นผู้ออก XSGD สเตเบิลคอยน์ที่มีมูลค่าคงที่โดยอ้างอิงสกุลเงินดอลลาร์สิงคโปร์ พร้อมมีสินทรัพย์สำรองแบบ 1:1 ที่เก็บรักษาไว้กับธนาคารระดับโลก ได้แก่ DBS, Standard Chartered และ CIMB

จาก Q-money สู่ XSGD ผ่านการชำระเงินบนบล็อกเชน
หัวใจสำคัญของโครงการนี้คือการทำให้นักท่องเที่ยวสามารถใช้กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์จากประเทศของตนเอง ที่มี Regulatory-Complaint Digital Money สแกน QR Code ของร้านค้าเพื่อชำระเงินในอีกประเทศหนึ่งได้แบบเรียลไทม์ ซึ่งทำได้ผ่านแผนการดำเนินโครงการ 3 ระยะที่ชัดเจน
ระยะที่ 1 Outbound Tourist (นักท่องเที่ยวไทยไปสิงคโปร์)
- นักท่องเที่ยวไทยใช้แอปพลิเคชัน Q Wallet by KBank ซึ่งมี Q-money (เงินอิเล็กทรอนิกส์บนบล็อกเชนของ KBank) สแกน QR Code ของร้านค้าที่รองรับ GrabPay และบางร้านที่รองรับ PayNow เพื่อชำระค่าสินค้าและบริการ
- Q-money จะถูกแปลงเป็น XSGD ทำให้ร้านค้าสิงคโปร์ได้รับเงินเป็น SGD แบบเรียลไทม์ ระยะที่ 1 นี้อยู่ในระหว่างการทดสอบภายใต้กรอบ Regulatory Sandbox ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และมีแผนที่จะให้บริการภายในไตรมาส 2 ปี 2569
ระยะที่ 2 Inbound Tourist (นักท่องเที่ยวสิงคโปร์มาไทย)
- ขยายขีดความสามารถให้นักท่องเที่ยวจากสิงคโปร์สามารถใช้กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์จากประเทศตนเองที่มี XSGD สแกน Thai QR เพื่อชำระค่าสินค้าและบริการแก่ร้านค้าในไทยได้โดยตรง
- XSGD จะถูกแปลงเป็น Q-money เพื่อให้ร้านค้าในไทยสามารถรับยอดเป็นเงินบาทได้ทันที โดยไม่ต้องจัดการเรื่องการแปลงค่าเงิน
- เทคโนโลยีเบื้องหลังของโปรเจกต์นี้ขับเคลื่อนด้วย Quarix บล็อกเชนของ Orbix Technology ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักที่รองรับธุรกรรมของ Q-money ทั้งหมดบน Quarix อย่างปลอดภัย มีระบบควบคุมและมาตรการกำกับดูแล เพื่อให้การทำงานเป็นไปตามมาตรฐานระดับสถาบัน
ขณะเดียวกัน Avalanche ซึ่งเป็นเครือข่ายที่รองรับ XSGD ของ StraitsX อยู่แล้วทำหน้าที่เป็นชั้นเทคโนโลยีที่เชื่อมต่อ Quarix เข้ากับระบบของ StraitsX โดย Avalanche สามารถรองรับการสร้าง Permissioned Custom Chain ที่มีระบบตั้งค่าความเป็นส่วนตัวที่จำเป็น และยังคงเชื่อมต่อกับระบบเดิมได้อย่างราบรื่น ทำให้การสื่อสารธุรกรรมระหว่าง Q-money และ XSGD เกิดขึ้นได้อย่างไร้รอยต่อ
การผสานระหว่างโครงสร้างพื้นฐานของ Quarix และเครือข่ายเชื่อมโยงของ Avalanche ทำให้การแลกเปลี่ยนและชำระดุลแบบเรียลไทม์ระหว่างสองระบบเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ นำไปสู่ต้นแบบของโครงสร้างพื้นฐานการเงินดิจิทัลที่พร้อมขยายสเกลในอนาคต
ระยะที่ 3 วางรากฐานการยืนยันตัวตนข้ามพรมแดน (Cross-Border KYC)
- เพิ่มระบบ Cross-Border KYC Verification
- สร้างมาตรฐานการยืนยันตัวตน (KYC) ระหว่างประเทศ เพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดของหน่วยงานกำกับดูแลในทั้งสองประเทศและรองรับการขยายผลในระดับภูมิภาค
สำหรับระยะที่ 2 และ 3 จะมีการยื่นขออนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องในช่วงครึ่งแรกของปี 2569 เพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปตามกฎหมายและมาตรฐานที่กำหนด

ยกระดับจากแอปฯ จ่ายเงิน สู่ “โครงสร้างพื้นฐานใหม่”
กล่าวได้ว่า นี่คือการสร้าง โครงสร้างพื้นฐานใหม่ ที่เน้นการเชื่อมโยงระบบภายใต้การกำกับดูแลเข้าด้วยกัน โดยมีจุดเด่นที่สำคัญคือ
- การเชื่อมโยงระบบที่ถูกกำกับดูแล (Interoperability) ทำให้ระบบและ Q-money และ XSGD ทำงานร่วมกันได้โดยตรงผ่านบล็อกเชน ซึ่งตอบโจทย์การกำกับดูแลของ ธปท. และ MAS
- การชำระดุลแบบเรียลไทม์ (Real-time Settlement) ร้านค้าได้รับเงินทันที ลดความซับซ้อนและต้นทุนการแลกเปลี่ยนสกุลเงินแบบเดิมที่ต้องผ่านตัวกลางหลายทอด
- ความโปร่งใสและปลอดภัย (Transparency & Security) ใช้จุดเด่นของบล็อกเชนในการตรวจสอบและติดตามธุรกรรมได้
ดร.กรินทร์ บุญเลิศวณิชย์ รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวถึงโครงการนี้ว่า “โครงการนี้เป็นการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อให้นักท่องเที่ยวไทยสามารถชำระเงินด้วย Q-money ในสิงคโปร์ แบบเรียลไทม์อย่างปลอดภัยและรวดเร็ว พร้อมวางรากฐานระบบการเงินดิจิทัลที่เชื่อมโยงกันได้และรองรับการขยายในอนาคต”
Tianwei Liu ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท StraitsX กล่าวเสริมว่า “ความร่วมมือนี้เป็นการกำหนดมาตรฐานใหม่ให้กับการชำระเงินข้ามพรมแดน โดยในระยะที่ 2 โครงการจะขยายให้รองรับการใช้งานของนักท่องเที่ยวสิงคโปร์ที่เดินทางมาไทย สามารถชำระเงินให้ร้านค้าในประเทศไทยได้โดยตรงเป็นสกุลเงินดอลลาร์สิงคโปร์ (SGD) ผ่าน XSGD ซึ่งเป็นสเตเบิลคอยน์ที่มีสินทรัพย์สำรองรองรับด้วยสกุลเงินดอลลาร์สิงคโปร์ โดยระบบจะทำการแปลงเป็นเงินบาทให้โดยอัตโนมัติในขั้นตอนการชำระดุล ช่วยเพิ่มความสะดวก ประสิทธิภาพ และความเชื่อมั่นในการแลกเปลี่ยนมูลค่าระหว่างประเทศ”

ความท้าทายและการแข่งขัน สร้างสรรค์บริการที่ดียิ่งขึ้น
โครงการ Seamless Travel Payments on Chain ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนมาพร้อมกับจุดเด่นที่เน้นให้มีประสบการณ์ผู้ใช้ที่สะดวกยิ่งขึ้น การเข้าถึงร้านค้าที่กว้างขึ้น และประสิทธิภาพของเทคโนโลยีภายใต้การกำกับดูแล โดยมุ่งเน้นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวโดยตรง โดยมีจุดต่างที่สำคัญคือ User Experience (UX) ที่เน้นให้ลูกค้าไทยสามารถใช้ QR Scan เพื่อชำระเงินที่ร้านค้าในสิงคโปร์ที่รองรับ Paynow และ Grab QR ได้เหมือนกับที่ชาวสิงคโปร์ใช้เอง ซึ่งช่วยขยายการเข้าถึงร้านค้าปลีกและร้านอาหารขนาดเล็กที่ไม่รับบัตรได้ดีขึ้น
นอกจากนี้ ในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน (FX Rate) ใช้อัตราแลกเปลี่ยนที่โปร่งใสและแข่งขันได้ โดยมีฟีเจอร์สำคัญคือการ แสดงราคาก่อนยืนยันการชำระเงิน ทำให้ผู้ใช้ทราบยอดเงินบาทที่แน่นอนก่อนทำธุรกรรม
Q Wallet by KBank ใช้ความเป็นแอปพลิเคชันบนมือถือและเทคโนโลยีบล็อกเชนสร้างความสะดวกสบาย ลูกค้าไม่ต้องถือบัตร ไม่ต้องแลกเงินก่อนเดินทาง สามารถใช้จ่ายได้ทันที สามารถ Scan QR Code สำหรับร้านค้าที่ไม่รับ Card Payment ซึ่งเป็นข้อจำกัดหลักของ Travel Card อีกทั้งการทำงานบนบล็อกเชนทำให้ธุรกรรมมีความ ปลอดภัยสูง โปร่งใส และ ตรวจสอบได้ ที่สำคัญคือ ไม่มีค่าธรรมเนียม ในการทำธุรกรรม (Transaction Fee)
ในมุมของร้านค้า โครงการนี้ถูกออกแบบมาให้กระทบต่อระบบเดิมของร้านค้าน้อยที่สุด ทำให้ร้านค้าในสิงคโปร์ (Phase 1) และร้านค้าไทย (Phase 2) ไม่ต้องติดตั้งเครื่องมือ/แอปฯ เพิ่มเติม หรือเปลี่ยนแปลงกระบวนการรับชำระเงิน สามารถรับผ่าน QR Code มาตรฐานเดิม (SGQR หรือ Thai QR) ได้เลย

บทสรุป ก้าวสำคัญของ Real-World E-Money on Blockchain
โครงการ “Seamless Travel Payments on Chain” กำลังจะเป็นก้าวที่จับต้องได้ในการนำ บล็อกเชน มาใช้กับ ระบบการเงินในโลกจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการพัฒนาระบบการชำระเงินรายย่อยข้ามพรมแดน (Cross-border Retail Payment) ภายใต้การกำกับดูแลอย่างใกล้ชิดของทั้ง ธปท. และ MAS
แม้จะเป็นโครงการนำร่อง (Pilot Use Case) แต่ก็เป็น “ห้องปฏิบัติการ” ที่สำคัญสำหรับ KBank, Orbix Technology, StraitsX และหน่วยงานกำกับดูแล ในการเรียนรู้และวางรากฐานสำหรับอนาคตการเงินดิจิทัลของภูมิภาค เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมรองรับการขยายผลในระดับสากลในอนาคต
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา