
สิวเป็นปัญหาผิวอันดับแรก ๆ ที่หลายคนต้องเผชิญ ทั้งยังเกิดได้กับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะในช่วงวัยรุ่น แม้การเกิดสิวจะดูไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่หากปล่อยทิ้งไว้นานโดยไม่มีวิธีรักษาสิวที่เหมาะสม อาจทำให้สิวรุนแรงขึ้นจนเกิดการอักเสบ กระทั่งทิ้งรอยสิว หรือเกิดหลุมสิวตามมาได้
บทความนี้จะพามาทำความเข้าใจถึงสาเหตุที่ทำให้หน้าเป็นสิว พร้อมแนะนำวิธีการรักษาสิวและดูแลผิวที่จะช่วยลดสิวบนใบหน้าได้จริง ทำให้ผิวกลับมาเรียบเนียน ลดโอกาสเกิดสิวซ้ำซาก!
สิวเกิดจากอะไร? รู้จักสาเหตุที่ทำให้หน้าเป็นสิว

หน้าเป็นสิวเกิดจากอะไร? ก่อนไปรู้จักวิธีรักษาสิว ลองมาทำความเข้าใจถึงสาเหตุการเกิดสิวกันก่อน โดยสิว (Acne) มักมีสาเหตุมาจากการอุดตันในรูขุมขน ซึ่งเกิดจากต่อมไขมัน (sebaceous gland) ใต้ผิวหนังผลิตน้ำมัน (sebum)ออกมามากเกินไป เมื่อน้ำมันรวมกับเซลล์ผิวที่ตายแล้ว และสิ่งสกปรกที่สะสมอยู่ในรูขุมขนจึงทำให้เกิดสิวในที่สุด ซึ่งมีหลายปัจจัยที่เป็นตัวกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมาในปริมาณมาก เช่น
- การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนในช่วงวัยรุ่น หรือระหว่างการเกิดรอบเดือน ที่จะกระตุ้นให้ต่อมไขมันมีขนาดใหญ่ขึ้นและผลิตน้ำมันออกมามากขึ้นนั่นเอง
- การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีส่วนผสมของน้ำมัน
- พฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม พักผ่อนไม่เพียงพอ เกิดความเครียด ทำให้ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงจนอาจเกิดสิวได้
- การรับประทานอาหาร โดยเฉพาะของมัน ของทอด และอาหารรสหวาน อาจกระตุ้นให้เกิดสิวเพิ่มขึ้น
- ฝุ่นละออง มลภาวะ หรือมลพิษทางอากาศ ที่สามารถเข้าไปอุดตันในรูขุมขนได้
รักษาสิวด้วยตัวเองหายไหม?
หลายคนอาจสงสัยว่ารักษาสิวด้วยตัวเองหายไหม? การรักษาสิวด้วยตัวเองมีโอกาสหายได้หากเป็นสิวที่ไม่รุนแรง เช่น สิวอุดตัน หรือสิวผด ซึ่งจะต้องใช้วิธีรักษาสิวที่เหมาะสมอย่างระมัดระวัง ไม่เช่นนั้นอาจทำให้สิวอักเสบรุนแรงขึ้น จนทิ้งรอยสิว รอยแผลเป็น หรือหลุมสิวถาวรตามมาได้ ทั้งนี้ หากเป็นสิวอักเสบ การรักษาด้วยตนเองอาจไม่เพียงพอ หากเลือกใช้วิธีแก้ปัญหาสิวที่ไม่เหมาะกับสภาพผิว อาจทำให้ผิวแพ้ง่าย และเสี่ยงทำให้สิวลุกลามมากขึ้น
5 วิธีรักษาสิว เรียกความมั่นใจกลับคืนมา

สิวเป็นปัญหาผิวที่สามารถจัดการได้ หากใช้วิธีรักษาสิวที่ถูกต้องและเหมาะสมก็จะช่วยลดสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับใครที่กำลังมองหาวิธีทําให้สิวหาย หัวข้อนี้ได้รวบรวมวิธีแก้สิว กำจัดสิวบนใบหน้า ให้ผิวกลับมาเรียบเนียนแบบเห็นผลจริงมาให้แล้ว
1. กินยารักษาสิว
การกินยารักษาสิวเป็นวิธีลดสิวที่เหมาะกับสิวอักเสบระยะปานกลางถึงระยะรุนแรง และรักษาด้วยการทายาไม่หาย ซึ่งการกินยารักษาสิวต้องอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของแพทย์เท่านั้น
โดยยาที่แพทย์มักจ่ายให้เพื่อรักษาสิว เช่น ยาปฏิชีวนะ กลุ่ม Tetracycline, Macrolides และ Amoxicillin ที่ฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิว ยาปรับฮอร์โมน เพื่อลดระดับฮอร์โมน หรือออกฤทธิ์โดยการยับยั้งการสร้างฮอรโมน์ที่ทำให้เกิดสิว และยากลุ่มอนุพันธ์วิตามิน A สำหรับรักษาสิวรุนแรง ดื้อยาปฏิชีวนะ
2. ทายารักษาสิว
การทายารักษาสิวเป็นอีกหนึ่งวิธีรักษาสิวอักเสบด้วยตัวเอง เหมาะกับสิวในระยะไม่รุนแรง เช่น สิวผด หรือสิวไม่มีหัว โดยกลุ่มยาทารักษาสิวเฉพาะที่ ได้แก่ ยาปฏิชีวนะที่ออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิวอักเสบ ยากลุ่มอนุพันธ์วิตามิน A หรือ Retinoid ช่วยผลัดเซลล์ผิว ลดการอุดตันในรูขุมขน และกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ และยากลุ่ม Benzoyl peroxide หรือ Benzac ออกฤทธิ์ทำลายเชื้อแบคทีเรีย ลดการระคายเคืองของผิว
นอกจากนี้ ยังมีกรดธรรมชาติอย่าง Azelaic acid หรือ Salicylic Acid ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว ลดการอุดตันในรูขุมขน และลดการอักเสบของสิวได้เช่นกัน
3. เลเซอร์รักษาสิว
เลเซอร์รักษาสิวเป็นวิธีรักษาสิวโดยแพทย์ที่ช่วยจัดการปัญหาสิวได้อย่างตรงจุด โดยการยิงพลังงานเลเซอร์เข้าสู่ผิวเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของสิว ช่วยลดการอักเสบ และช่วยควบคุมความมันส่วนเกินบนใบหน้า อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้รอยสิวหรือรอยแดงจางลงเร็วขึ้น
เลเซอร์รักษาสิวเหมาะกับสิวอักเสบหรือสิวเรื้อรังที่รักษาด้วยวิธีทั่วไปแล้วยังไม่ดีขึ้น ตัวอย่างเลเซอร์รักษาสิวยอดนิยม เช่น Dual Yellow, V beam (Pulsed dye laser) หรือ Diode laser
4. การกดสิว
การกดสิวนิยมใช้รักษาสิวสิวอุดตันหัวเปิด เพื่อช่วยลดโอกาสเกิดสิวอักเสบ ซึ่งควรทำโดยแพทย์เท่านั้น ไม่ควรกดสิวด้วยตัวเอง เพราะหากกดผิดวิธี ใช้อุปกรณ์กดสิวที่ไม่สะอาด อาจทำให้ผิวอักเสบ แผลติดเชื้อ หรือเกิดรอยแผลเป็นและรอยดำตามมาได้ อย่างไรก็ตาม การกดสิวไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาสิวที่ต้นเหตุ จึงควรรักษาควบคู่ไปกับวิธีอื่น ๆ เช่น การกินยาหรือใช้ยาทารักษาสิว เพื่อผลลัพธ์ในการรักษาที่ดี
5. การฉีดสิว
การฉีดสิวเป็นวิธีที่ใช้สำหรับรักษาสิวอักเสบ สิวหนอง สิวหัวช้าง หรือสิวซีสต์ โดยแพทย์จะมีการฉีดยากลุ่มสเตียรอยด์ไปที่สิวโดยตรง ทำให้สิวยุบตัวได้เร็ว การรักษาด้วยวิธีฉีดสิวอาจพบผลข้างเคียง เช่น เกิดรอยบุ๋มบริเวณรอบจุดที่ฉีด อาการช้ำ ผิวหนังอักเสบ รวมไปถึงอาจเกิดรอยแผลถาวรได้
รักษาสิวกับหมอผิวหนังตัวจริงง่าย ๆ ที่บ้าน ด้วยแอป SkinX
SkinX แอปพลิเคชันพบหมอผิวหนังออนไลน์ที่รวบรวมทีมแพทย์ผิวหนังเฉพาะทางจากโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำ ให้คุณได้ปรึกษาทุกปัญหาผิว รวมถึงปัญหาสิวที่กวนใจ พร้อมรับคำแนะนำเกี่ยวกับการรักษาสิวที่เหมาะสม จัดการสิวอย่างถูกวิธี ผิวกลับมาเรียบเนียนสุขภาพดี
ไม่ต้องเสียเวลาไปคลินิก! อยู่ที่ไหนก็หาหมอได้ ปรึกษาได้ทุกปัญหาผิว ปรึกษาก่อน จ่ายทีหลัง รู้ค่าบริการก่อนเข้ารับบริการ พร้อมสรุปผลการรักษาทันที นอกจากนี้ ยังสามารถนัดติดตามอาการและทำการรักษาอย่างต่อเนื่องเพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ โดยมีแพทย์สั่งยาและส่งตรงถึงบ้าน พร้อมเภสัชกรคอยให้คำปรึกษา ดาวน์โหลดได้เลย! ทั้งระบบปฏิบัติการ iOS และ Android
รักษาสิวอย่างถูกวิธี แก้ปัญหาหน้าสิวให้กลับมาเนียนใส
สิวเป็นปัญหาผิวที่ไม่ควรละเลย หากไม่รีบรักษาอาจทิ้งรอยดำและรอยแผลเป็นไว้ การรักษาสิวสามารถทำได้หลายวิธี ทั้งการกินยารักษาสิว, การใช้ยาทาเฉพาะที่, การเลเซอร์, การกดสิว และการฉีดสิว แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรับคำแนะนำในการรักษาสิวและดูแลผิวอย่างเหมาะสม เพื่อผิวพรรณเรียบเนียน กระจ่างใส สุขภาพดี
อยากปรึกษาปัญหาสิวกับแพทย์เฉพาะผิวหนัง แต่ไม่อยากเสียเวลานาน ดาวน์โหลดเลย! SkinX แอปพลิเคชันปรึกษาปัญหาและดูแลผิวโดยแพทย์ผิวหนังเฉพาะทางจากโรงพยาบาลชั้นนำ ครบ จบ เคลียร์ใน 15 นาที
- FB : SkinX พบแพทย์ผิวหนังออนไลน์
- IG : skinx.thailand
- Line : @skinx.official
- TikTok : skinxthailand
- X : @skinxthailand
- Tel : 02 038 5505
- E-mail : service@skinx.app
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา