3 ทางออกจัดการกรรมสิทธิ์รถยนต์ เมื่อต้องยุติการผ่อนร่วมกัน

จัดการกรรมสิทธิ์รถยนต์อย่างไรเมื่อเลิกกัน

การตัดสินใจกู้ร่วมซื้อรถยนต์ในฐานะคู่รัก คือภาระผูกพันทางการเงินระยะยาวที่ต้องอาศัยความไว้วางใจ แต่เมื่อวันหนึ่งความสัมพันธ์จำเป็นต้องยุติลง ปัญหาที่ตามมาและมีความซับซ้อนไม่แพ้เรื่องอื่น คือ “หนี้สินรถยนต์ที่ยังผ่อนไม่หมด” ซึ่งการจัดการกรรมสิทธิ์รถยนต์นี้ต้องอาศัยความเข้าใจและทางออกที่ชัดเจน เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อประวัติเครดิตของทั้งสองฝ่ายในอนาคต วันนี้เราจะพามาสรุปทางออกที่ทำได้สำหรับปัญหานี้กัน

กู้ร่วมซื้อรถ เมื่อความสัมพันธ์จบ หนี้รถยนต์ต้องจัดการอย่างไร

ปัญหาที่หลายคนมักเข้าใจผิด คือคิดว่าเมื่อเลิกรากันไปแล้ว หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นคนนำรถไปใช้ อีกฝ่ายก็ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบหนี้สินนั้นอีกต่อไป ในทางกฎหมายและตามเงื่อนไขของสถาบันการเงิน (ไฟแนนซ์) ตราบใดที่สัญญายังมีชื่อของผู้กู้ร่วมทั้งสองคน ทั้งสองฝ่ายยังคงต้องรับผิดชอบในภาระหนี้ก้อนนั้นร่วมกัน 100%

3 แนวทางหลักในการจัดการกรรมสิทธิ์รถยนต์ที่ยังผ่อนไม่หมด

วิธีจัดการกรรมสิทธิ์รถยนต์ที่กู้ร่วม

เมื่อเข้าใจถึงความจำเป็นในการจัดการหนี้สินก้อนนี้แล้ว โดยทั่วไปจะมี 3 แนวทางหลักที่ผู้กู้ร่วมสามารถตกลงกันได้ เพื่อปิดจบปัญหานี้อย่างชัดเจนและยุติธรรมกับทุกฝ่าย 

แนวทางที่ 1 : ขายรถเพื่อปิดบัญชีหนี้สินและแบ่งเงินที่เหลือ 

นี่อาจเป็นวิธีที่ตัดจบได้ชัดเจนที่สุด และเหมาะสำหรับกรณีที่ไม่มีฝ่ายใดต้องการเก็บรถคันนี้ไว้ ขั้นตอนคือการตกลงกันนำรถยนต์ไปขายทอดตลาด (อาจจะขายเต็นท์รถมือสอง หรือขายดาวน์ให้บุคคลอื่น)

  • กรณีที่ 1 : ขายได้ราคาสูงกว่ายอดหนี้คงค้าง เมื่อขายรถได้แล้ว ให้นำเงินก้อนนั้นไปชำระยอดปิดบัญชีกับไฟแนนซ์เดิมจนหมดสิ้น ส่วนต่างที่เหลือจึงนำมาแบ่งปันกันตามสัดส่วนที่ตกลงกันไว้
  • กรณีที่ 2 : ขายได้ราคาต่ำกว่ายอดหนี้คงค้าง (ขายขาดทุน) ในกรณีนี้ ทั้งสองฝ่ายจำเป็นต้องหาเงินสดส่วนต่างมาโปะเพิ่ม เพื่อปิดบัญชีหนี้กับไฟแนนซ์ให้เรียบร้อย ซึ่งต้องตกลงกันว่าจะรับผิดชอบส่วนต่างนี้กันคนละครึ่ง หรือตามสัดส่วนใด 

แนวทางที่ 2 : ฝ่ายหนึ่งรับรถและรีไฟแนนซ์เป็นชื่อตัวเอง 

เป็นทางออกที่พบบ่อยที่สุด ในกรณีที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องการเก็บรถไว้ใช้งานต่อ แต่ดังที่กล่าวไป การผ่อนต่อเฉย ๆ ไม่สามารถถอนชื่ออีกฝ่ายออกจากสัญญาได้ วิธีที่ถูกต้องคือการรีไฟแนนซ์ โดยผู้ที่ต้องการเก็บรถไว้ จะต้องไปติดต่อสถาบันการเงินแห่งใหม่ (หรือบางทีอาจเป็นที่เดิม) เพื่อยื่นขอสินเชื่อรถยนต์ในชื่อของตนเองเพียงคนเดียว สถาบันการเงินแห่งใหม่จะประเมินรายได้ และความสามารถในการผ่อนชำระของผู้ยื่นกู้ (เพียงคนเดียว) ใหม่ทั้งหมด หากสินเชื่ออนุมัติ สถาบันการเงินแห่งใหม่จะนำเงินก้อนไปปิดบัญชีหนี้ที่ไฟแนนซ์เดิม ทำให้สัญญาเก่าสิ้นสุดลง และชื่อของผู้กู้ร่วมทั้งสองคนจะหลุดจากภาระหนี้เดิม 

แนวทางที่ 3 : โอนสิทธิ์เปลี่ยนสัญญาให้บุคคลที่สามผ่อนต่อ 

วิธีนี้คล้ายกับการขายดาวน์ แต่เป็นการโอนสิทธิ์ในสัญญาเช่าซื้อเดิมให้กับบุคคลที่สามไปเลย โดยที่บุคคลที่สามนั้นจะเข้ามารับช่วงผ่อนต่อตามค่างวดและระยะเวลาที่เหลืออยู่ในสัญญาเดิม วิธีนี้จำเป็นต้องได้รับ “ความยินยอม” จากสถาบันการเงิน (ไฟแนนซ์) เดิมก่อนเท่านั้น โดยไฟแนนซ์จะทำการตรวจสอบคุณสมบัติและประวัติเครดิตของบุคคลที่สามที่จะมารับช่วงต่ออย่างเข้มงวด หากบุคคลที่สามมีคุณสมบัติผ่านเกณฑ์ ไฟแนนซ์จึงจะดำเนินการเปลี่ยนชื่อคู่สัญญาในระบบ ทำให้ชื่อของผู้กู้ร่วมเดิมทั้งสองคนหลุดออกจากภาระหนี้ไป 

ทิสโก้ ออโต้แคช ทางเลือกที่ดีกว่าเพื่อปิดจบปัญหาผ่อนร่วมกัน

รีไฟแนนซ์รถยนต์กับทิสโก้ ออโต้แคช

การจัดการหนี้สินที่กู้ร่วมกันเมื่อความสัมพันธ์ต้องยุติลงเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและตึงเครียด การเลือกแนวทางที่ 2 (รีไฟแนนซ์เป็นชื่อตัวเอง) มักเป็นทางออกที่หลายคนต้องการมากที่สุด แต่การเลือกสถาบันการเงินที่เข้าใจและมีประสบการณ์เป็นสิ่งสำคัญ ทิสโก้ ออโต้แคช ถือเป็นหนึ่งในทางเลือกคุณต้องนึกถึง เนื่องจากมีความยืดหยุ่นสูงในการให้บริการสินเชื่อที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ ทำให้กระบวนการรวดเร็ว ได้เงินไว และยังรับอายุรถสูงสุดถึง 25 ปี (รวมระยะเวลาผ่อน) อีกทั้งยังมีระยะเวลาผ่อนชำระนานสูงสุดถึง 72 เดือน ช่วยให้ผู้ที่รับภาระต่อสามารถบริหารค่างวดได้อย่างเหมาะสม ไม่ตึงเครียดจนเกินไป

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 02-123-4000 หรือ แอดไลน์ @TISCOAutoCash เราพร้อมให้คำปรึกษาและช่วยเหลือเรื่องการเงินให้คุณทันที

กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว | อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง 12% – 24%  ต่อปี
เงื่อนไขและการพิจารณาสินเชื่อเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

mm
The cars we drive say a lot about us. Keep calm and drive on.