
เคยสงสัยไหมว่าทำไมทำงานหนักขึ้น เงินเดือนก็เพิ่มขึ้นทุกปี แต่เงินเก็บในบัญชีกลับไม่เคยขยับตาม ? บางทีคุณอาจกำลังเผชิญกับภาวะชีวิตติดแกรม หรือการใช้จ่ายที่สูงขึ้นตามรายได้ที่เพิ่มขึ้น จนติดอยู่ในกับดักของคำว่า “ของมันต้องมี” แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะในบทความนี้ เราได้ทริคแก้เกมชีวิตติดแกรมจากทาง Krungsri The COACH แหล่งรวมความรู้ทางการเงินที่สรุปเนื้อหาให้เข้าใจได้แบบง่าย ๆ รับรองเลยว่า จะช่วยให้คุณปรับสมดุลการใช้ชีวิต หยุดสร้างหนี้ที่ไม่จำเป็น และเริ่มต้นสร้างความมั่นคงทางการเงินได้ไม่ยาก
เช็กสัญญาณ คุณกำลังมีชีวิตติดแกรมอยู่หรือเปล่า ?

การมีไลฟ์สไตล์ที่ดีขึ้นไม่ใช่เรื่องผิด แต่หากเริ่มส่งผลกระทบต่อสถานะทางการเงิน ก็ถึงเวลาที่ต้องทบทวน ลองมาเช็กกันดูว่าคุณมีพฤติกรรมเหล่านี้หรือไม่
- เงินเดือนขึ้น แต่เงินในบัญชีไม่เคยขยับตาม
- รู้สึกว่าต้องตามเทรนด์อยู่เสมอ ของใหม่ต้องมี คาเฟ่เปิดใหม่ต้องไป
- ยอดหนี้บัตรเครดิตเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จากการซื้อของที่ไม่จำเป็น
- คุ้นเคยกับการใช้จ่ายแบบ “รูดไปก่อน เดี๋ยวค่อยว่ากัน”
ถ้าหากคุณมีพฤติกรรมเหล่านี้อยู่ ก็อาจเป็นสัญญาณของการมีชีวิตติดแกรม และถึงเวลาที่ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต เพื่อไม่ให้เกิดหนี้สะสมในระยะยาวแล้ว
4 สเต็ปแก้เกมชีวิตติดแกรม สร้างความมั่นคงทางการเงิน
สำหรับใครที่รู้ตัวว่ากำลังติดกับดักนี้อยู่ ไม่ต้องกังวลใจไป เราสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้ด้วย 4 ขั้นตอนง่าย ๆ ที่จะช่วยให้คุณกลับมาควบคุมการเงินได้อีกครั้ง
1. รู้จักตัวเองผ่าน “บัญชีรายรับ-รายจ่าย”
ขั้นตอนแรกที่สำคัญที่สุดคือการทำความเข้าใจพฤติกรรมการใช้เงินของตัวเอง การจดบันทึกรายรับ-รายจ่ายอย่างง่าย ๆ เปรียบเสมือนการทำ Health Check ทางการเงิน ที่จะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมว่าเงินส่วนใหญ่หายไปกับอะไร ทำให้สามารถระบุค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยที่ควรตัดออก และวางแผนการใช้เงินในแต่ละเดือนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
2. จัดระเบียบเงินด้วยสูตร “50/30/20”
เมื่อรู้ภาพรวมการใช้เงินแล้ว ให้ลองนำสูตรการออมยอดนิยมอย่าง 50/30/20 มาปรับใช้ โดยแบ่งรายได้ออกเป็น 3 ส่วน คือ
- 50% สำหรับค่าใช้จ่ายจำเป็น (ค่าที่พัก, ค่าเดินทาง, ค่าอาหาร)
- 30% สำหรับค่าใช้จ่ายส่วนตัวที่ให้ความสุข (ชอปปิง, ท่องเที่ยว)
- 20% สำหรับการออม และลงทุน เพื่อสร้างอนาคต
3. คุมเกมหนี้ให้อยู่หมัด ไม่ให้เกิน 40% ของรายได้

กุญแจสำคัญสู่ความมั่นคงคือการควบคุมภาระหนี้สินให้อยู่ในระดับที่จัดการได้ โดยทั่วไปแล้ว ภาระหนี้ทั้งหมดต่อเดือนไม่ควรเกิน 40% ของรายได้สุทธิ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณยังมีเงินเหลือพอสำหรับค่าใช้จ่ายที่จำเป็น และการออมตามเป้าหมายที่วางไว้
4. วางแผนจัดการหนี้สินอย่างเป็นระบบ
หากมีหนี้สินหลายก้อน ควรลิสต์ออกมาทั้งหมดเพื่อดูภาพรวม จากนั้นวางแผนชำระหนี้อย่างเป็นระบบ โดยอาจเริ่มจากการปิดหนี้ก้อนที่มีดอกเบี้ยสูงที่สุดก่อน หรือสำหรับคนที่มีหนี้บัตรเครดิตหลายใบ การ “รวมหนี้” ไว้ที่เดียวก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะจะช่วยลดภาระการผ่อนต่อเดือน และทำให้การบริหารจัดการหนี้ง่ายขึ้น
การปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ที่คุ้นเคยอาจต้องใช้เวลา และความตั้งใจ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินไป การเริ่มต้นวางแผนการเงินตั้งแต่วันนี้ คือก้าวแรกที่สำคัญที่สุดในการหลุดพ้นจากวงจรชีวิตติดแกรม และสร้างอนาคตทางการเงินที่มั่นคง เพื่อให้คุณสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขโดยไม่ต้องกังวลเรื่องหนี้สินอีกต่อไป
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา