ตลาดรถยนต์ไทยกำลังเข้าสู่จุดเปลี่ยนสำคัญของยุค หลังผลสำรวจจาก ‘ดิฟเฟอเรนเชียล ไทยแลนด์’ บริษัทที่ปรึกษาและวิจัยการตลาดพบว่า ผู้บริโภคไทยเปลี่ยนรถเร็วขึ้นกว่าช่วงหลังโควิด แต่กลับภักดีต่อแบรนด์น้อยลงอย่างชัดเจน
มีเพียง 36% ของเจ้าของรถเท่านั้นที่ยืนยันจะซื้อรถยี่ห้อเดิม ส่วนที่เหลือกว่า 60% เริ่มลังเล โดยเฉพาะแบรนด์รถยนต์จาก ‘จีน’ ที่มีสัดส่วนลูกค้าที่ภักดีต่ำสุด เจ้าของรถกว่า 82% ไม่แน่ใจว่าจะกลับมาซื้อซ้ำ รองลงมาคือแบรนด์ ‘อเมริกัน’ ที่ 74% และ ‘ญี่ปุ่น’ ที่ 55% ซึ่งแม้เคยครองใจตลาดมานาน ก็เริ่มเจอแรงสั่นคลอนเช่นกัน
ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนว่า ‘ความภักดีต่อแบรนด์’ กำลังสั่นคลอนในทุกค่าย
ปัจจัยสำคัญมาจากทั้งประสบการณ์การเป็นเจ้าของที่ไม่ประทับใจ และนวัตกรรมที่ไม่ทันต่อยุค ลูกค้ารุ่นใหม่มองหาเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูง ระบบเชื่อมต่อดิจิทัล และพลังงานสะอาดมากขึ้น แบรนด์ใดยังไม่สามารถตอบโจทย์เหล่านี้ได้ ก็เสี่ยงถูกแทนที่ด้วยคู่แข่งรายใหม่ที่เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคมากกว่า
อีกหนึ่งสัญญาณที่น่าสนใจคือ ความลังเลในการเลือก ‘ขุมพลัง’ ของรถคันต่อไป ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 17% ในปี 2567 เป็น 29% ในปีนี้ สะท้อนว่าผู้บริโภคไทยยังไม่มั่นใจว่าจะเลือกเครื่องยนต์สันดาป (ICE) รถไฮบริด (HEV/PHEV) หรือรถไฟฟ้าเต็มรูปแบบ (EV)
แม้ EV จะเป็นกระแส แต่ก็ยังต้องพิสูจน์เรื่อง ‘ความปลอดภัย’ และ ‘ความน่าเชื่อถือ’ ให้ได้ในระยะยาว ส่วนรถไฮบริดกลับกลายเป็น ‘ทางเลือกที่ปลอดภัย’ สำหรับคนที่ยังไม่พร้อมเปลี่ยนไป EV ทันที
‘ศิรส สาตราภัย’ กรรมการผู้จัดการ ดิฟเฟอเรนเชียล ประเทศไทย ย้ำว่า จุดเปลี่ยนของตลาดรถปี 2568 อยู่ที่ ‘ความเร็วในการเปลี่ยนรถ’ ที่มากขึ้น แต่ ‘ความภักดีต่อแบรนด์’ กลับลดลง จนทำให้ผู้ผลิตต้องกลับมาทบทวนกลยุทธ์
โดยเฉพาะแบรนด์ ‘จีน’ ที่ต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นผ่านบริการหลังการขาย การรับประกันที่โปร่งใส และเครือข่ายบริการที่เข้าถึงง่าย ส่วนแบรนด์ ‘ญี่ปุ่น’ และ ‘อเมริกัน’ ต้องเร่งปรับตัวด้วยดีไซน์ใหม่ ระบบขับเคลื่อนแห่งอนาคต และกลยุทธ์ราคาที่แข่งขันได้ เพื่อรักษาตำแหน่งในตลาดไทยที่กำลังเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว
ตลาดรถยนต์ไทยปีนี้จึงไม่ใช่แค่เกมของ ‘ราคา’ หรือ ‘ดีไซน์’ อีกต่อไป แต่เป็น ‘ความเชื่อมั่น’ และ ‘ประสบการณ์’ ใครที่สร้างความมั่นใจให้ลูกค้าได้ก่อน ย่อมมีโอกาสครองใจผู้บริโภคในยุคที่ความภักดีต่อแบรนด์ไม่ใช่เรื่องถาวรอีกแล้ว
ที่มา: ข่าวประชาสัมพันธ์
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา