ขายปลาร้าได้ 1,000 ล้าน! เจาะกลยุทธ์ ‘แม่บุญล้ำ’ สองตายายจากกาฬสินธุ์ ผู้ส่งปลาร้าไทยไปโกอินเตอร์

คุณคิดว่าคนเราจะขาย ‘น้ำปลาร้า’ ได้ปีละกี่บาท?

แม่บุญล้ำ

‘​​บริษัท เพชรดำฟู้ดส์ จำกัด’ ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำปลาร้าต้มสุกตรา ‘แม่บุญล้ำ’ เป็นหนึ่งในบริษัทน้ำปลาร้าชั้นนำของไทย ซึ่งถ้าให้ตอบคำถามข้างต้นที่ว่า คนเราจะขายน้ำปลาร้าได้ปีละกี่บาท งั้นเราลองมาดูผลประกอบการของแม่บุญล้ำกัน

    • 2020: รายได้ 451 ล้านบาท / กำไร 49.6 ล้านบาท
    • 2021: รายได้ 715 ล้านบาท / กำไร 65.5 ล้านบาท
    • 2022: รายได้ 801 ล้านบาท / กำไร 75.2 ล้านบาท
    • 2023: รายได้ 905 ล้านบาท / กำไร 64.7 ล้านบาท
    • 2024: รายได้ 1,027 ล้านบาท / กำไร 81.7 ล้านบาท

จะเห็นว่า ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา แม่บุญล้ำมีการเติบโตทางยอดขายอย่างต่อเนื่อง โดยปีที่แล้วสร้างรายได้ทะลุ 1 พันล้านบาทเลยด้วยซ้ำ

สงสัยไหมว่าแม่บุญล้ำทำได้อย่างไร? มาดูกัน

จากตายายที่สอนลูกๆ ทำปลาร้า สู่ธุรกิจพันล้านที่ผลิตน้ำปลาร้าได้ 2 แสนขวดต่อวัน

แม่บุญล้ำ
ภาพจากงาน Scale Fast 2025

‘พิไรรัตน์ บริหาร’ กรรมการผู้จัดการ เพชรดำฟู้ดส์ จำกัด เล่าภายในงาน ‘Scale Fast – Business Accelerator Summit 2025’ ว่า จุดเริ่มต้นของน้ำปลาร้า ตราแม่บุญล้ำเกิดขึ้นในปี 1957 ที่บ้านของ ‘คุณพ่อสนั่น–คุณแม่ทองสุข ศรีโยธา’ ที่อยากสอนลูกๆ ทำปลาร้า เพื่อบริโภคในครัวเรือน 

พอมาสู่รุ่นของ ‘คุณพ่ออุทัย–คุณแม่บุญล้ำ ปรีเรือง’ ผู้เป็นลูกเขยและลูกสาวก็ได้สืบทอดสูตรปลาร้าของคุณพ่อคุณแม่ จนเกิดเป็นกิจการชื่อว่า ‘เพชรดำค้าปลาร้า’ ก่อนจะก่อตั้งโรงงานขึ้นมาในปี 1992 

ทำกิจการไปได้หลายปี  ในปี 2011 ‘คุณแม่บุญล้ำ’ สังเกตว่า ลูกค้าส่วนหนึ่งมักซื้อน้ำปลาร้าไป ไปต้มใส่ในอาหาร ทำให้เธอเกิดไอเดียว่า งั้นทำ ‘น้ำปลาร้าต้ม’ ที่ต้มสุกเสร็จสับ พร้อมขายให้ผู้บริโภคเลยดีกว่า 

หลังจากนั้น คุณพ่ออุทัยและคุณแม่บุญล้ำก็นำน้ำปลาร้าต้มไปขายที่ตลาดในกาฬสินธุ์ทุกๆ วัน จนในปี 2014 ถึงตัดสินใจก่อตั้งเป็นบริษัท เพชรดำฟู้ดส์ จำกัดขึ้นมา

พิไรรัตน์เผยว่า น้ำปลาร้าแม่บุญล้ำ เป็นธุรกิจปลาร้าเจ้าแรกในจังหวัดกาฬสินธุ์ที่จดทะเบียนกับองค์การอาหารและยา แต่ในช่วงปี 2015 ลูกค้าก็ยังไม่ซื้อสินค้าของบริษัทเท่าไร เนื่องจากมองว่า เป็นสินค้าที่มีอยู่ทั่วไป แถมไม่ตอบโจทย์ด้วย

ด้วยเหตุนี้ น้ำปลาร้าแม่บุญล้ำ จึงออกผลิตภัณฑ์เป็น ‘น้ำปลาร้าบรรจุขวด’ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการความสะดวกสบายยิ่งขึ้น

พิไรรัตน์เล่าต่อว่า ไอเดียนี้ ทำให้น้ำปลาร้าแม่บุญล้ำ ต้องนำเครื่องจักรเข้ามาช่วย เพราะเมื่อก่อน ลูกค้าต้องรอสินค้าเกือบเดือนเลย แถมคู่แข่งยังมีกว่า 250 เจ้า ดังนั้น หากจะสู้ ควรเอาเทคโนโลยีมาช่วย จนกลายเป็นเจ้าแรกๆ ของไทยที่นำเครื่องจักรมาทำน้ำปลาร้า และผลิตได้กว่า 2 แสนขวดต่อวัน

อยากให้คนรู้ว่าปลาร้าเป็นได้มากกว่าอาหารอีสาน พร้อมทำเพลงติดหู เปิดไปกว่า 10 ล้านครั้ง

แม่บุญล้ำ
ภาพจาก Facebook: Maeboonlam น้ำปลาร้าแม่บุญล้ำ

สินค้าพร้อม โรงงานพร้อม แต่คำถามคือ “จะขายให้ใคร?” และนี่คือสิ่งที่พิไรรัตน์ตั้งคำถาม

ณ ตอนนั้น พิไรรัตน์ก็อยากให้น้ำปลาร้าเป็นวัตถุดิบที่ทานคู่กับอาหารอื่นๆ ได้นอกเหนือจากอาหารอีสานด้วย ทำให้บริษัทตัดสินใจไปคอลแลบกับ ‘เชฟ’ มากมาย ในการรังสรรค์เมนูสุดล้ำของแม่บุญล้ำ อาทิ

  • คุกกี้น้ำปลาร้า 
  • กระท้อนทรงเครื่องน้ำปลาร้า 
  • หมูสับไข่เค็มนึ่งน้ำปลาร้า
  • หมูสะเต๊ะน้ำปลาร้า
  • ผัดไทยขนมจีนแม่บุญล้ำ
  • ก๋วยเตี๋ยวขี้เมาน้ำปลาร้า

นอกจากนี้ เพื่อยกระดับครัวไทยไปสู่ครัวโลก น้ำปลาร้าแม่บุญล้ำยังไปร่วมมือกับรายการ ‘MasterChef Celebrity Thailand’ ในการเป็นโจทย์ให้ผู้เข้าแข่งขันซีซัน 2 ร่วมกันรังสรรค์เมนูจากน้ำปลาร้า ภายใต้อาหารสัญชาติเกาหลีใต้ อิตาลี และญี่ปุ่นด้วย

เท่านั้นยังไม่พอ เพราะพิไรรัตน์เผยว่า 

“เรายังต้องมีสิ่งที่ผ่านประสาทสัมผัส เราจะต้องมีครบ เหลือการฟัง เรายังมองว่า เราจะหยั่งลึกไปในใจของผู้บริโภคได้อย่างไร ซึ่งปีนั้น น่าจะเป็นปี 2019 โควิดมาใหม่ๆ เราก็เลยคิดว่า เราจะต้องมีเพลงไหม? พอไปทานข้าวแล้วก็จะได้ฟังเพลงแม่บุญล้ำ คงจะดีไม่น้อย”

พิไรรัตน์เล่าว่า ตนเป็นคนชอบฟังเพลง ‘นายไข่เจียว’ ของวงเฉลียง จึงไปปรึกษา ‘จุ้ย-ศุ บุญเลี้ยง’ หนึ่งในสมาชิกของวงและนักแต่งเพลง ซึ่งเขาก็ยินดีทำให้ จนเกิดเป็นเพลง ‘น้ำปลาร้าแม่บุญล้ำ’ พร้อมท่อนฮิตติดหูที่หลายๆ คนคงเคยได้ยินว่า “ต้องใช้น้ำปลาแม่บุญล้ำ~”

เชื่อหรือไม่? เพลงน้ำปลาร้าแม่บุญล้ำถูกเปิดในซูเปอร์มาร์เก็ตชื่อดัง อย่าง แม็คโคร โลตัส บิ๊กซี หรือท็อปส์ ถึง 2,832 แห่ง และเปิดไปมากกว่า 10 ล้านครั้ง จนกลายเป็นเพลงที่เด็กๆ ร้องได้ ผู้ใหญ่ก็ร้องดี แถมคนยังจดจำแบรนด์มากขึ้น

ปัจจุบัน น้ำปลาร้า ตราแม่บุญล้ำ ไม่ได้ขายดีแค่ในประเทศไทย แต่ยังส่งออกไปมากกว่า 15 ประเทศทั่วโลก ทั้งยุโรป สหรัฐอเมริกา ตะวันออกกลาง เอเชีย รวมถึงประเทศเพื่อนบ้าน 

พิไรรัตน์บอกว่า สินค้าของเธอก็ไม่ได้ตอบโจทย์ประเทศเหล่านี้ตั้งแต่แรกหรอก และต้องอาศัยการปรับปรุงพัฒนา พร้อมรับฟังผู้บริโภคอยู่เรื่อยมา

“สินค้าของเรายังต้องมีการพัฒนาไปเรื่อยๆ ไม่ได้จบแค่มีสูตรนี้ หรือไม่ได้จบแค่การทำน้ำปลาร้า แม่บุญล้ำยังต้องมีการพัฒนาอีกสเต็ป อีกสเต็ป อีกสเต็ป” 

จากกรณีศึกษาของน้ำปลาร้า ตราแม่บุญล้ำ เราคงเห็นแล้วว่า แม้จะขายดิบขายดีถึงพันล้านบาท แถมส่งออกไปหลายประเทศทั่วโลก ก็ใช่ว่าคนเราจะหยุดพัฒนากันได้

และคงเป็นเพราะความไม่หยุดพัฒนาของน้ำปลาร้า ตราแม่บุญล้ำนี่ล่ะ ที่ทำให้พวกเขามีวันนี้

ที่มา: กรมพัฒนาธุรกิจการค้า, Phetdamfoods

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา