ในวันที่ผู้ประกอบการ SME ไทย ซึ่งเป็นกระดูกสันหลังทางเศรษฐกิจของประเทศ กำลังเผชิญความท้าทายรอบด้าน คำถามสำคัญไม่ใช่แค่ “จะใช้เทคโนโลยีอะไร” แต่คือ “จะยืนหยัดและเติบโตอย่างยั่งยืนได้อย่างไร” โอลิเวอร์ กิตติพงษ์ วีระเตชะ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านแบรนด์และมีเดีย จาก ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้นำเสนอแนวคิดผ่านเวทีเสวนาที่จัดโดย สสว. โดยชี้ว่าทางรอดที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่ AI เพียงอย่างเดียว แต่อยู่ที่การกลับไปสู่พื้นฐานที่ลึกซึ้งที่สุด นั่นคือ “หัวใจ” และความเข้าใจในตัวตนของธุรกิจ
อย่าให้ AI กลืนกิน “หัวใจ”: เมื่อ Human Intelligence คือความต่างที่แท้จริง
ท่ามกลางกระแสที่ทุกธุรกิจต้องพูดถึง AI โอลิเวอร์กลับชี้ให้เห็นว่าเทคโนโลยีเป็นเพียง “สะพาน” แต่ไม่ใช่ “จุดหมาย” เขาย้ำว่าความสามารถในการแข่งขันที่ยั่งยืนมาจาก Human Intelligence & Cultural Capital หรือการใช้ปัญญาและต้นทุนทางวัฒนธรรมที่มนุษย์มี มาเป็นตัวกำหนดทิศทาง แล้วให้ AI เป็นเครื่องมือสื่อสารที่ทรงพลัง เพื่อเชื่อมความรู้สึกของแบรนด์ไปถึงผู้บริโภค
แนวคิดนี้คือการเตือนสติผู้ประกอบการว่า แม้โลกจะเปลี่ยนผ่านสู่ยุค 6G แต่สิ่งที่ขับเคลื่อนการตัดสินใจซื้อยังคงเป็นมิติทางอารมณ์และความรู้สึก (Emotional Dimension) ดังนั้น SME ที่สามารถผสาน Human Touch และ People Empathy เข้ากับเทคโนโลยีได้ คือผู้ที่จะสร้างความแตกต่างที่คู่แข่งลอกเลียนแบบได้ยาก
หยุดขายทุกอย่างให้ทุกคน! SME ต้องเริ่มที่ Business Model ไม่ใช่โฆษณา
ประเด็นที่น่าสนใจที่สุดสำหรับ SME คือคำแนะนำที่ตรงไปตรงมาว่า “อย่าเพิ่งทุ่มเงินซื้อโฆษณา ถ้า Business Model ยังไม่ชัดเจน” ในยุคที่อุตสาหกรรมสื่อดิจิทัลมีมูลค่ามหาศาล การเข้าถึงลูกค้าไม่ใช่แค่การมีโซเชียลมีเดีย แต่ต้องเริ่มจากการตอบคำถามพื้นฐานให้ได้ก่อน
- Why คุณค่าและความแตกต่างของคุณคืออะไร ทำไมลูกค้าต้องเลือกคุณ?
- Who คุณกำลังคุยกับใคร? กลุ่มเป้าหมายของคุณคือใครกันแน่?
- What คุณกำลังขายอะไร? สินค้าของคุณให้อะไรกับชีวิตพวกเขา?
โอลิเวอร์เสนอให้พลิกมุมมองจาก Marketing 4P แบบดั้งเดิม สู่ “People First 4P” ที่ใช้ความเข้าใจคนเป็นที่ตั้ง:
- Product → Performance สินค้าต้องสร้างผลลัพธ์ที่ดีต่อชีวิตผู้คน
- Price → Value ราคาต้องสะท้อนคุณค่าที่ลูกค้ายอมจ่าย
- Place → Accessibility & Convenience ช่องทางต้องเข้าถึงง่าย สอดคล้องกับพฤติกรรมจริง
- Promotion → Empathetic Communication การสื่อสารต้องมาจากความเข้าใจ ไม่ใช่แค่การยัดเยียดส่วนลด
สาระสำคัญคือ SME ไม่จำเป็นต้อง “เป็นทุกอย่างสำหรับทุกคน” แต่ต้องชัดเจนในจุดยืนและคุณค่าของตัวเองก่อนที่จะออกไปสู่ตลาด
สร้างคน ไม่ใช่แค่สร้างสกิล ผู้นำต้องฟัง และ Empower ทีม
อีกปัจจัยสำคัญที่มักถูกมองข้ามคือ “คน” โอลิเวอร์ชี้ว่าการจะสร้างนวัตกรรมได้ องค์กรต้องสร้างคนให้ “รู้สึกว่าตนเองมีคุณค่า” ผู้นำต้องเปลี่ยนบทบาทจากผู้สั่งการ (Commander) มาเป็นผู้รับฟัง (Listener) และสร้างบรรยากาศที่เรียกว่า Psychological Safety ซึ่งเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้ทีมกล้าคิด กล้าลองผิดลองถูก โดยไม่กลัวความล้มเหลว
หลักการสำคัญคือ เมตตา, โอบรับความแตกต่าง (Inclusion), และการให้อำนาจ (Empowerment) ซึ่งจะหลอมรวมทักษะ Hard Skill และ Soft Skill ให้กลายเป็น “Power Skill” ที่สามารถขับเคลื่อนองค์กรให้ก้าวไปข้างหน้าได้จริง
พลิกจุดอ่อนเป็นจุดแข็ง ด้วย Collaborative Innovation
สุดท้าย โอลิเวอร์ยอมรับความจริงว่า “ไม่มีใครเก่งทุกเรื่อง” SME ไม่จำเป็นต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง แต่ต้องรู้จักจุดอ่อนของตนเองและมองหาพันธมิตรที่จะเข้ามาเติมเต็มช่องว่างนั้น แนวคิด Collaborative Innovation หรือการสร้างนวัตกรรมร่วมกับพันธมิตร คือหัวใจที่จะเปลี่ยนข้อจำกัดให้กลายเป็นความได้เปรียบทางการแข่งขัน
ในตอนท้าย เขาได้กล่าวถึงบทบาทของ ทรู คอร์ปอเรชั่น ในฐานะเทคคอมปานีที่พร้อมจะเป็นพันธมิตรและจัดหาโซลูชันเพื่อเสริมศักยภาพให้ SME ไทยสามารถนำแนวคิดเหล่านี้ไปปรับใช้และเติบโตในตลาดโลกได้
แนวคิดทั้งหมดนี้ เป็นเหมือนพิมพ์เขียวให้ SME ไทยกลับมาทบทวนตัวเอง โดยเสนอว่าท่ามกลางพายุแห่งเทคโนโลยี จุดเริ่มต้นของการสร้างธุรกิจที่ยั่งยืนอาจไม่ใช่การวิ่งตาม AI ให้เร็วที่สุด แต่คือการหยุดและทำความเข้าใจ “หัวใจ” ของมนุษย์ ทั้งลูกค้าและทีมงานของตัวเองให้ลึกซึ้งที่สุดเสียก่อน
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา