“กรอบนอก นุ่มใน ไม่เหนียว ไม่เหี่ยว ไม่คาว” คือสุดยอดคุณสมบัติของลูกชิ้นปลาระเบิดที่ทำให้ ‘ไจแอ้น ลูกชิ้นระเบิดเถิดเทิง’ สามารถเติบโตจาก 1 สู่ 2,000 สาขา กลายเป็นเจ้าแห่งลูกชิ้นปลาระเบิดในประเทศไทย
แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ ใครจะเชื่อว่าเจ้าของธุรกิจร้อยล้านพลิกชีวิตจากเซลล์แมนธรรมดาๆ ได้ เพราะเอาความกล้าเป็นเดิมพันและทุ่มเงินจากการเกษียณทั้งหมด เพื่อเปลี่ยนชีวิตตัวเองและแฟรนไชส์
Brand Inside คุยกับ มอส-สารัช วัฒนกูล ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาดของ บริษัท อร่อยระเบิด จำกัด ทายาทรุ่นสองเจ้าของแบรนด์ ‘ไจแอ้นลูกชิ้นระเบิดเถิดเทิง’ และนำเรื่องราวของพ่อเขามาเล่าให้ทุกคนฟัง
[ เซลล์แมนเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เชื่อว่า ‘ของอร่อยในตลาด’ สร้างแบรนด์ได้ ]
ย้อนกลับไปราว 16 ปีก่อน ‘อนพ วัฒนกูล’ ผู้ก่อตั้งไจแอ้นลูกชิ้นระเบิดเถิดเทิง ทำงานเป็นพนักงานขายเครื่องใช้ไฟฟ้าในบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง ด้วยอาชีพทำให้เค้าต้องเดินทางออกต่างจังหวัดบ่อยๆ
จึงเริ่มสังเกตเห็นว่าประเทศไทยมีของกินอร่อยๆ มากมายที่ขายดีมากใน ‘ตลาด’ แต่กลับยังไม่มีใครนำสินค้าเหล่านั้นมาทำแบรนด์อย่างจริงจังเลย ยกตัวอย่างเช่น ลูกชิ้นทอดและกล้วยทอด
พอเห็นโอกาสแล้วต่อมาคือลงมือทำ ‘อนพ’ ตัดสินใจไปฝึกวิชาทอดกล้วยอยู่หลายเดือน แต่ข้างๆ ร้านกล้วยทอดนั้นมีร้านลูกชิ้นทอดอยู่ด้วย เลยเรียนมาพร้อมกันสองอย่างเลย
เมื่อฝึกวิชาทอดกล้วยและทอดลูกชิ้นเสร็จสิ้น ต้องเลือกแล้วว่าจะขายกล้วยหรือขายลูกชิ้นดี ‘อนพ’ ที่ ณ วันนั้นยังไม่รู้ว่าเขาจะกลายเป็นเจ้าของแบรนด์ที่มีแฟรนไชส์มากถึง 2,000 สาขาทั่วประเทศ ตัดสินใจเลือก ‘ลูกชิ้นทอด’
สาเหตุที่เลือกลูกชิ้นทอดนั้น เพราะว่าบริหารจัดการง่ายกว่า ไม่เหมือนกับกล้วยทอดที่เป็นของสดและเป็นสินค้าเกษตร ทำให้มีความผันผวนสูง แต่จะขายลูกชิ้นทอดยังไงให้แตกต่างกับลูกชิ้นทอดที่มีอยู่แล้วในตลาดล่ะ?
[ ทุ่มเงินเกษียณซื้อ ‘รถเข็นลูกชิ้นทอด’ แจกให้คนอยากตั้งตัว ]
“กรอบนอก นุ่มใน ไม่เหนียว ไม่เหี่ยว ไม่คาว” คือสิ่งที่ปิ้งขึ้นมาในหัวของอนพในเวลานั้น และเป็นต้นกำเนิดของ ‘ลูกชิ้นปลาระเบิด’ ภายใต้แบรนด์ ‘ไจแอ้นลูกชิ้นระเบิดเถิดเทิง’ ในเวลาต่อมา
แต่มีไอเดียอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีคนทำให้ไอเดียนั้นกลายเป็นจริงได้ด้วย เวลานั้น ‘อนพ’ จึงเดินทางไปพบกับเจ้าของโรงงานผลิตลูกชิ้นหลายเจ้า เพื่อขอให้โรงงานผลิตลูกชิ้นที่ “กรอบนอก นุ่มใน ไม่เหนียว ไม่เหี่ยว ไม่คาว” ให้ แต่ผลกลับปรากฎว่า ทุกเจ้าปฏิเสธ..
ใครล่ะจะมาอยากผลิตลูกชิ้นในรูปแบบใหม่ให้กับแบรนด์ที่ยังไม่มีตัวตน แถมมีสาขาแค่สาขาเดียวในเวลานั้น จนกระทั่งไปเจอเข้ากับโรงงานหนึ่งที่รอบแรกถูกเจ้าของโรงงานไล่ออกมาแล้ว แต่ลูกชายเจ้าของกลับเห็นใจและเห็นโอกาส ตัดสินใจผลิตลูกชิ้นปลาระเบิดให้กับไจแอ้น
พอได้ลูกชิ้นสูตรเด็ดตรงใจ ‘อนพ’ ที่ตัดสินใจเกษียณก่อนอายุ (early retirement) เพื่อนำเงินก้อนมาสร้างธุรกิจ เลือกนำเงินก้อนนั้นทั้งหมดไปซื้อรถเข็นขายลูกชิ้นมา 20 คัน พร้อมเปิดรับคนที่มีใจอยากหารายได้เลี้ยงดูครอบครัวและสร้างเนื้อสร้างตัวให้รับรถเข็นพร้อมอุปกรณ์และลูกชิ้นไปเลยฟรีๆ
เพราะเขามองเห็นตั้งแต่แรกว่า ‘ไจแอ้น ลูกชิ้นระเบิดเถิดเทิง’ จะต้องขยายธุรกิจด้วยโมเดลแฟรนไชส์ จึงจะเติบโตได้ไวและกว้างขวาง แน่นอนว่าอนพตัดสินใจถูกต้อง เพราะแค่ปีเดียวก็สามารถขยายธุรกิจไปสู่ร้อยสาขา
และจากวันนั้นจนวันนี้ผ่านมา 16 ปี แบรนด์ที่เขาก่อตั้งขึ้นก็มีสาขามากกว่า 2,000 สาขาทั่วประเทศแล้ว ตอนนี้ ‘ไจแอ้น ลูกชิ้นระเบิดเถิดเทิง’ ก็เริ่มเปิดทางให้ทายาทรุ่นสองอย่าง ‘มอส-สารัช วัฒนกูล’ ผู้เป็นลูกชายเข้ามาดูแลธุรกิจต่อและขยายความสำเร็จให้ไปไกลยิ่งกว่าเดิม
[ ทายาทรุ่นสอง ผู้ขยายอาณาจักรอร่อยระเบิด ]
‘มอส’ เล่าว่า เขาเติบโตมากับธุรกิจของคุณพ่อตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่ยืนสมัยยืนทอดลูกชิ้นใหม่ๆ จนกระทั่งเติบโตขึ้นผ่านการเรียนหนังสือจนจบจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเข้าไปทำงานในบริษัทเอกชนเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ได้ราว 2-3 ปีก็ถูกคุณพ่อดึงตัวกลับมาช่วยงาน เพราะบริษัทเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ
โดยเฉพาะช่วงโควิด-19 ที่สาขาใน ‘ปั๊มน้ำมัน’ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ยอดขายเติบโตตาม และสร้างภาพจำของ ‘ไจแอ้น ลูกชิ้นระเบิดเถิดเทิง’ ให้ติดตรึงในความทรงจำของลูกค้า เป็นอีกช่วงเวลาหนึ่งที่ทำให้ Branding ของแบรนด์ชัดเจนที่สุด
ปัจจุบัน บริษัท อร่อยระเบิด จำกัด ไม่ได้มีแค่ ‘ไจแอ้น ลูกชิ้นระเบิดเถิดเทิง’ ที่เน้นจับกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงบน เน้นขยายสาขาในห้างสรรพสินค้าและปั๊มน้ำมันแบรนด์เดียวเท่านั้น แต่ยังมี
- ซูโม่ ลูกชิ้นปลาระเบิด เจาะกลุ่มนักเรียนประถม มัธยมศึกษา และตลาดต่างจังหวัด
- อู้ฟู ลูกชิ้นปลาเยาวราช เจาะกลุ่มรักสุขภาพ เพราะนึ่งได้-ทอดได้
- หมูทอดหมายเลขเจ็ด เจาะกลุ่มคนรักหมูทอดหลากหลายรูปแบบ
โดย ‘มอส’ บอกว่า อนาคตจะเห็นการคอลแลบกันระหว่างแบรนด์ต่างๆ ในเครืออร่อยระเบิดเพิ่มขึ้น รวมถึงในปีต่อๆ ไปก็มีโอกาสจะได้เห็นแบรนด์ใหม่ๆ เพิ่มอีก เพราะตอนนี้บริษัทตั้งเป้าจะขยายแบรนด์เพิ่มปีละ 1 แบรนด์ ตามแนวทางขยายธุรกิจทั้งแนวตั้งและแนวนอน นอกจากผลิต จัดส่ง และจำหน่ายที่บริษัททำมาโดยตลอด
ซึ่งจากกว่า 2,000 สาขามีสาขาที่อร่อยระเบิดบริหารเองอยู่กว่า 100 สาขา ลูกชายของผู้ก่อตั้งอร่อยระเบิดบอกว่า จริงๆ แล้วพึ่งจะ 2-3 ปีเท่านั้นที่อร่อยระเบิดมีสาขาภายใต้การบริหารงานเองมากขนาดนี้ อันเกิดจากเจ้าของทำเลเสนอพื้นที่มาให้ แต่แฟรนไชส์อาจจะยังไม่เห็นภาพ บริษัทจึงเปิดเป็นตัวอย่างให้ดูก่อน
[ สดใหม่ จดจำง่าย ไม่น่าเบื่อ แฟรนไชส์อยู่ได้นาน ]
นอกจากนั้น อร่อยระเบิดยังต้องการจะรีเฟรชแบรนด์ตลอดเป็นระยะ เพื่อให้ ‘ไจแอ้น ลูกชิ้นระเบิดเถิดเทิง’ และแบรนด์อื่นๆ ในเครือสดใหม่อยู่เสมอ อย่างเดียวกับที่ทำไปแล้วทั้งปรับโลโก้และอาร์ตเวิร์คใหม่ในปีนี้
รวมถึงขยายตลาดให้วัยรุ่นมากขึ้น โดยตั้งเป้าอยากให้คนรุ่นใหม่ Gen Z จดจำแบรนด์ได้มากขึ้น จึงขยับไปหาพวกเขาด้วยการออกร้านเปิดบูทตามคอนเสิร์ตและเทศกาลดนตรี ไม่ว่าจะเป็นคอนเสิร์ต K-POP หรือเทศกาลดนตรีอย่าง Big Mountain และนั่งเล่น
ฝั่งโอเปอร์เรชันเองก็สำคัญ ทั้งการรักษามาตรฐานให้กว่า 2,000 สาขาสามารถส่งมอบรสชาติและบริการใกล้เคียงกัน โดยเอาจริงเอาจังกับกฎที่ตั้งไว้และฟีดแบคของลูกค้า เพราะถ้าไม่มีลูกค้า สุดท้ายแฟรนไชส์ก็อยู่ไม่ได้เช่นเดียวกัน
ทายาทรุ่นสองของอร่อยระเบิดเชื่อว่า ความสำเร็จของอร่อยระเบิด เกิดจากปัจจัยสำคัญอย่างขายของอร่อย หลากหลาย ปรับปรุงรสชาติ เพิ่มสินค้าใหม่เสมอ อย่าง ‘ไจแอ้น ลูกชิ้นระเบิดเถิดเทิง’ ตอนนี้มีสินค้ามากถึง 10 อย่างพร้อมน้ำจิ้มให้เลือกถึง 2 สูตร
พอลูกค้าไม่เบื่อ ทำให้ร้านค้าแฟรนไชส์สามารถอยู่กับบริษัทได้นานมาก เจ้าที่อยู่มานานที่สุดอยู่มาถึง 16 ปีแล้ว หรือเรียกว่าก่อร่างสร้างตัวมาด้วยกันก็ว่าได้
ที่สำคัญ “สร้างรายได้ สร้างอาชีพให้กับคนไทย” ก็ยังเป็นพันธกิจสำคัญของอร่อยระเบิดมาโดยตลอด นั่นจึงเป็นเหตุให้แบรนด์เลือกขายในราคาคุ้มค่าสมเหตุสมผล ลูกค้าทั่วประเทศสามารถเข้าถึงได้
‘มอส’ มองว่า อร่อยระเบิดยังมีศักยภาพในการเติบโตได้อีกมาก และยังมีพื้นที่เหลือให้ขยายได้อีกเยอะ ทั้งในแง่ของจำนวนสาขาและแบรนด์ในเครือ โดยในปีหน้าตั้งใจจะเติบโตอีก 300-400 สาขา พร้อมรักษายอดขายของแฟรนไชส์เดิมให้โตต่อเนื่อง 10-15%
โดยจากการสืบค้นในแพลตฟอร์ม Corpus X พบว่า ในปี 2567 ที่ผ่านมา บริษัท อร่อยระเบิด จำกัด มีรายได้ 116 ล้านบาท เติบโตขึ้นถึง 42% จากปีก่อน เป็นรายได้สูงสุดของบริษัทนับตั้งแต่ก่อตั้งมาถึงปัจจุบัน
- ขาย ‘ข้าวกล่อง’ จนรายได้ 600 ล้าน กว่าจะมีวันนี้เจ้าของ White Story ใช้เวลาถึง 16 ปี
- YOLK ทาร์ตไข่สัญชาติไทย ขายได้เดือนละ 1 แสนชิ้น ที่อาจโตทะลุ 100 ล้านบาทตั้งแต่ปีแรก
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา