COCKPIT ส่งแคมเปญ “Local Expert” ผู้เชี่ยวชาญด้านรถยนต์ในพื้นที่ สร้างความต่าง ขยายฐานลูกค้าคนรุ่นใหม่

“Local Expert” เมื่อความ “อุ่นใจ” คือโจทย์หลัก

แคมเปญใหม่ของ COCKPIT ปล่อยภาพยนตร์โฆษณาออกมาแล้ว 2 เรื่อง (จากทั้งหมด 4+1 เรื่อง) เลือกใช้แนวทางที่แตกต่างจากโฆษณาศูนย์บริการรถยนต์ทั่วไป โดยเน้นสร้างโมเมนต์ที่ “ฟีลกู๊ด” และ “ตลกขบขัน” เพื่อให้แบรนด์เข้าถึงและเข้าไปนั่งในใจผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น

หัวใจสำคัญของแคมเปญคือการดึง Insight หรือความกังวลใจลึกๆ ของลูกค้าออกมาตีแผ่ แล้วใช้จุดแข็งของแบรนด์เป็นคำตอบ

• เรื่องที่ 1 จะเข้าไม่เข้า – สะท้อนความลังเลของลูกค้าใหม่ที่ไม่เคยใช้บริการมาก่อน เปรียบเทียบกับการลุ้นยิงประตูฟุตบอล แต่เมื่อตัดสินใจ “เข้า” ก็พบกับบริการที่ใส่ใจและสร้างความไว้วางใจ

• เรื่องที่ 2 ไม่อยากขาย – เจาะลึก Pain Point ของลูกค้า (โดยเฉพาะผู้หญิง) ที่ไม่มีความรู้เรื่องรถและกลัวการถูกยัดเยียดขายสินค้าหรือบริการที่ไม่จำเป็น แสดงให้เห็นว่าช่างของ COCKPIT ให้ข้อมูลตามจริง ไม่เร่งขาย เพื่อสร้างความสัมพันธ์ระยะยาว

• เรื่องที่ 3 (เตรียมปล่อยต้น ต.ค.) ติดช่าง – ตอกย้ำจุดแข็งด้านบริการและความเชี่ยวชาญ ที่ช่างสามารถแก้ปัญหาได้จบจริง รู้จักรถของลูกค้าเป็นอย่างดี จนเกิดความภักดีต่อแบรนด์ในระดับบุคคล
• เรื่องที่ 4 (เตรียมปล่อยต้น พ.ย.) รวมมิตร – เป็นการสรุปและย้ำภาพจำของทั้ง 3 เรื่องราว เพื่อสร้างการจดจำในวงกว้าง

กลยุทธ์นี้สะท้อนว่า COCKPIT กำลังเปลี่ยนจุดขายจากการแข่งขันด้านราคาหรือโปรโมชั่นเพียงอย่างเดียว ไปสู่การสร้าง “ความไว้วางใจ” (Trust) ซึ่งเป็นสิ่งที่จับต้องยาก แต่สร้างความภักดีต่อแบรนด์ (Brand Loyalty) ได้อย่างยั่งยืน

สถานการณ์ธุรกิจ Fast Fit ที่ต้องแตกต่างเพื่ออยู่รอด

การเปิดตัวแคมเปญ “Local Expert” ยังมีความสัมพันธ์โดยตรงกับสถานการณ์ของอุตสาหกรรมรถยนต์และตลาดฟาสต์ฟิต โดยมีรายละเอียดดังนี้

• ตลาดรถยนต์ที่เปลี่ยนไป ข้อมูลระบุว่า ยอดขายรถยนต์ใหม่ปีที่แล้วลดลง แต่รถยนต์ที่มีอายุการใช้งานมากกว่า 5 ปี กลับมีสัดส่วน 83% ของรถทั้งหมดบนท้องถนน หมายความว่า ตลาดการบำรุงรักษาและซ่อมแซมกำลังเติบโต เพราะคนใช้รถคันเดิมนานขึ้น ความต้องการเปลี่ยนอะไหล่ตามระยะจึงสูงขึ้น ซึ่งเป็นโอกาสทองของธุรกิจฟาสต์ฟิต
• การแข่งขันที่รุนแรง แม้ COCKPIT จะเป็นผู้นำตลาดด้วยจำนวนสาขามากที่สุดในไทย (264 สาขา ณ ก.ย. 68) แต่คู่แข่งเดิมก็แข็งแกร่ง และมีผู้เล่นรายใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง การสร้างความแตกต่างจึงเป็นสิ่งจำเป็น
• การขยายฐานสู่คนรุ่นใหม่ COCKPIT ยอมรับว่าฐานลูกค้าเดิมคือกลุ่ม Gen X และ Y แต่ยังเข้าถึงกลุ่ม Gen Z ได้น้อย การใช้โฆษณาที่ดูสนุก เข้าใจง่าย และเผยแพร่ผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลัก จึงเป็นกลยุทธ์ที่ชัดเจนในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ที่ยังไม่คุ้นเคยกับแบรนด์

แนวคิด “Local Expert” จึงเป็นอาวุธสำคัญที่ COCKPIT ใช้สร้างความแตกต่าง โดยชูจุดเด่นที่คู่แข่งอาจทำตามได้ยาก นั่นคือ ความเป็นกันเองและความใส่ใจที่เหมือน “ช่างใกล้บ้านที่ไว้ใจได้”

โมเดลธุรกิจแบบผสม จุดแข็งที่ซ่อนอยู่ของ COCKPIT

จุดเด่นที่น่าสนใจและสนับสนุนแนวคิด “Local Expert” ได้เป็นอย่างดี คือโมเดลธุรกิจของ COCKPIT ที่เป็นเจ้าเดียวในตลาดซึ่งมีทั้งสาขาที่ บริหารงานเอง (83 สาขา) และสาขาในรูปแบบ แฟรนไชส์ (180 สาขา)

• สาขาบริหารเอง ทำหน้าที่เป็นต้นแบบในการรักษามาตรฐานบริการระดับสูงให้เหมือนกันทั่วประเทศ
• สาขาแฟรนไชส์ มักตั้งอยู่ในต่างจังหวัดหรือชุมชนต่างๆ มีเจ้าของร้านซึ่งเป็นคนในพื้นที่จะมีความเข้าใจและมีความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าในท้องถิ่น สิ่งนี้ช่วยเสริมภาพลักษณ์ “ผู้เชี่ยวชาญในพื้นที่” ให้แข็งแกร่งและจับต้องได้จริง

โมเดลแบบผสมผสานนี้ช่วยให้ COCKPIT สามารถขยายสาขาได้อย่างรวดเร็วผ่านแฟรนไชส์ ขณะเดียวกันก็ควบคุมคุณภาพและสร้างประสบการณ์ที่ดีผ่านสาขาของตนเองได้

จากรถยนต์สันดาปสู่ EV และความรับผิดชอบต่อสังคม

นอกจากการสร้างแบรนด์ผ่านแคมเปญโฆษณาแล้ว COCKPIT ยังมองไปข้างหน้าเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรม โดยมีแผน ลงทุนในเครื่องมือและอุปกรณ์เพื่อรองรับการบริการรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และเตรียมเปิดสาขาใหม่อีก 10-20 สาขาในปีหน้า

ยิ่งไปกว่านั้น จะมีโฆษณาตัวที่ 5 ซึ่งเป็นแคมเปญเพื่อสังคม (CSR) ที่จะปล่อยในช่วงปีใหม่ เพื่อรณรงค์เรื่องความปลอดภัยบนท้องถนนและลดอุบัติเหตุ ซึ่งเป็นการต่อยอดจากบริการหลักของตนเองไปสู่การสร้างคุณค่าให้กับสังคมโดยรวม

โดยสรุป แคมเปญ “Local Expert” ของ COCKPIT คือ กลยุทธ์ที่ยกระดับ “ศูนย์บริการรถยนต์” ไปสู่การเป็น “ที่ปรึกษาเรื่องรถที่ไว้ใจได้” โดยใช้การสื่อสารที่เข้าถึงง่าย มาผสานกับจุดแข็งของโมเดลธุรกิจ เพื่อสร้างความแตกต่างและครองใจผู้บริโภคในสมรภูมิฟาสต์ฟิตที่นับวันจะแข่งกันดุเดือดยิ่งขึ้น