เมื่อตลาดอาหารเผ็ดร้อนไม่ได้วัดกันที่ “ความเผ็ด” เพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่คือ “ประสบการณ์” และ “ความซับซ้อน” ของรสชาติ McCormick ใช้กลยุทธ์ที่ลึกซึ้งกว่าเดิมในการเจาะตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีประเทศไทยเป็นสมรภูมิสำคัญ ผ่านเวที Food Ingredients Asia (FIA) Thailand 2025
นี่ไม่ใช่แค่การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ แต่คือการประกาศว่า McCormick กำลังใช้ “ข้อมูลเชิงลึก (Insight)” และ “นวัตกรรม” เป็นอาวุธหลัก เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภครุ่นใหม่ที่มองความเผ็ดร้อนเป็นมากกว่ารสชาติ แต่คือการแสดงออกถึงตัวตนและการผจญภัย
ไม่ใช่แค่เผ็ด แต่ต้อง ‘ซับซ้อน’ ถึงใจ
สิ่งที่น่าสนใจที่สุดจากผลการศึกษาของ McCormick คือการค้นพบว่า ผู้บริโภคไทยเพียง 26% เท่านั้นที่เชื่อว่ารสเผ็ดร้อนควรมาจากพริกเพียงอย่างเดียว นี่คือจุดเปลี่ยนสำคัญที่ชี้ว่าตลาดกำลังเปลี่ยนผ่านจากความเผ็ดมิติเดียว (single-dimension heat) ไปสู่ความเผ็ดที่ซับซ้อนและมีเรื่องราว (multi-dimensional heat)
ผู้บริโภคไทยยุคใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มมิลเลนเนียลและ Gen Z คาดหวังรสชาติที่กลมกล่อม มีมิติ และสร้างความพึงพอใจในหลายระดับ ไม่ใช่แค่ความเผ็ดที่จู่โจม แต่ต้องมีรสชาติอื่นเข้ามาเสริมเพื่อสร้างความสมบูรณ์ McCormick จับอินไซต์นี้มาวิเคราะห์ต่อยอด และพบว่า:
- คนไทย (59%) ต้องการรสเผ็ดร้อนที่ผสมผสานกับ รสอูมามิ
- คนอินโดนีเซีย (47%) ชื่นชอบรสเผ็ดร้อนคู่กับ รสหวาน
- คนเวียดนาม (51%) มองหารสเผ็ดร้อนที่มาพร้อมกับ รสเปรี้ยว
ข้อมูลนี้คือพิมพ์เขียวสำคัญที่ทำให้ McCormick สามารถพัฒนาโซลูชันเครื่องปรุงที่ “ถูกปาก” และ “ตรงใจ” ผู้ผลิตอาหารในแต่ละประเทศได้อย่างแม่นยำ
เมื่อ “ภาษาของความเผ็ด” ถูกถอดรหัสด้วยเทคโนโลยี
เพื่อเปลี่ยนข้อมูลเชิงลึกให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่จับต้องได้ McCormick ได้เปิดตัวเครื่องมือที่เป็นกรรมสิทธิ์เฉพาะอย่าง Heat Wheel ซึ่งเปรียบเสมือนเครื่องมือถอดรหัสภาษาของความเผ็ดร้อน โดยแบ่งการวิเคราะห์ออกเป็น 2 มิติหลัก:
- โปรไฟล์รสชาติ (Flavour Profile) การวิเคราะห์ความแตกต่างของรสและกลิ่นของวัตถุดิบแต่ละชนิด
- ประสบการณ์ทางประสาทสัมผัส (Sensory Experience) การระบุว่าความเผ็ดเกิดขึ้นที่ส่วนไหนของปาก มีความเข้มข้น และคงอยู่นานแค่ไหน
เครื่องมือนี้ช่วยสร้างมาตรฐานและความเข้าใจที่ตรงกันระหว่างผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์และผู้บริโภค ทำให้สามารถสร้างสรรค์รสชาติเผ็ดร้อนที่ซับซ้อนและแตกต่างจากคู่แข่งในตลาดได้อย่างเป็นระบบ
จาก “หม่าล่า” ถึง “K-Food” ขี่กระแส Pop Culture สร้างโอกาสใหม่
McCormick ไม่ได้มองแค่รสชาติท้องถิ่น แต่ยังจับตาดูเทรนด์รสชาติจากต่างประเทศที่ได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมสมัยนิยม (Pop Culture) ซึ่งกำลังมาแรงในกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่
“หม่าล่า” คือตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด จากรสชาติเฉพาะกลุ่มได้กลายมาเป็นกระแสหลักในประเทศไทย มีการรับรู้และความน่าดึงดูดใจเทียบเท่ากับรสชาติต้นตำรับอย่าง “ต้มยำ” และ “ผัดกะเพรา” ด้วยเอกลักษณ์ความเผ็ดร้อนที่ทำให้ “ชา” ในปาก ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่มองหาประสบการณ์ที่จัดจ้านและแปลกใหม่
นอกจากนี้ กระแสรสเผ็ดสไตล์เกาหลีและญี่ปุ่นก็ยังคงแข็งแกร่งในตลาดไทย McCormick จึงนำเสนอแนวคิดผลิตภัณฑ์ที่ผสมผสานเทรนด์เหล่านี้ เช่น มันฝรั่งทอดหม่าล่าหม้อไฟ และ ซุปกิมจิเกาหลีรสเผ็ด เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ผลิตอาหารนำไปต่อยอด
กลยุทธ์ B2B และ B2C สร้าง Ecosystem ของรสชาติให้ครบวงจร
นอกจากการนำเสนอนวัตกรรมสำหรับผู้ผลิตอาหาร (B2B) ในงาน FIA Thailand แล้ว McCormick ยังเดินหน้าสร้างแบรนด์ให้เข้าถึงผู้บริโภคโดยตรง (B2C) ผ่านแคมเปญ “Flavour Made Simple” ที่ได้เชฟอ๊อฟ ณัฐวุฒิ มาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ รวมถึงการร่วมมือกับรายการดังอย่าง Iron Chef Thailand สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามในการสร้างความแข็งแกร่งของแบรนด์ในทุกระดับ
ที่น่าจับตามองในงาน FIA Thailand 2025 คือการที่ McCormick จะเปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์ “รสหวาน” เป็นครั้งแรก เช่น กัมมี่หมีรสหม่าล่าเผ็ดร้อน และ กาแฟข้าวเหนียวมะม่วงไข่มุก ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่า McCormick พร้อมที่จะขยายขอบเขตของนวัตกรรมรสชาติไปสู่หมวดหมู่อื่นๆ เพื่อสร้างสีสันและตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค
โดยสรุป กลยุทธ์ของ McCormick ในครั้งนี้ คือการใช้ “ข้อมูล” เป็นเข็มทิศ เพื่อสร้างสรรค์ “นวัตกรรม” ที่ตอบโจทย์ความต้องการเชิงลึกของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ซับซ้อนขึ้น พวกเขาไม่ได้กำลังขายแค่เครื่องเทศ แต่กำลังนำเสนอ “โซลูชันรสชาติ” ที่จะช่วยให้ผู้ผลิตอาหารสามารถคว้าโอกาสการเติบโตในตลาดที่มีการแข่งขันสูงได้อย่างยั่งยืน
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา