เป็นเวลา 1 ปีแล้วที่ ‘YouTube Shopping’ เปิดตัวในประเทศไทย ผลลัพธ์ที่ตามมา เกินความคาดหมายของ Google ที่เป็นบริษัทแม่อย่างมาก ทั้งในแง่ของการมีส่วนร่วมจากครีเอเตอร์ และการตอบรับของผู้บริโภค
เห็นได้จากยอดการรับชมคอนเทนต์เกี่ยวกับการชอปปิ้งบน YouTube ในไทยเพิ่มขึ้นกว่า 400%
เรื่องนี้ Brand Inside ไม่ได้พูดขึ้นมาลอยๆ เพราะเรามีโอกาสได้สัมภาษณ์ ‘Sapna Chadha’ Vice President, Southeast Asia and South Asia Frontier ของ Google ถึงการเดินทางเกือบหนึ่งปีของ YouTube Shopping และตลาดครีเอเตอร์ในวันที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัวแบบนี้
ไทยคือ ‘หัวใจ’ ของครีเอเตอร์คอมเมิร์ซในอาเซียน
Sapna อธิบายว่า ประเทศไทยเป็นตลาดที่ ‘พิเศษ’ เพราะกว่า 20% ของมูลค่าอีคอมเมิร์ซในประเทศมาจาก ‘วิดีโอ’ ซึ่งสูงที่สุดในโลก และยังเป็นหนึ่งในประเทศแรกๆ ของโลกที่ได้ใช้ YouTube Shopping โดยเปิดให้บริการเป็นประเทศที่ 2 ในอาเซียน และเป็นประเทศที่ 4 ของโลก
ซึ่งครีเอเตอร์ในไทยที่มีสิทธิ์เข้าร่วมกว่า 35% ได้สมัครเป็นพาร์ทเนอร์ในโปรแกรมนี้ หรือคิดเป็นราว 1 ใน 3 ของครีเอเตอร์ที่กำลังสร้างรายได้จาก YouTube ด้วย
การเติบโตนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่ Sapna บอกว่าเกิดจากการที่ Google ให้ความสำคัญกับไทยในเชิงกลยุทธ์มานานกว่า 10 ปี ตั้งแต่เปิดตัว ‘YouTube Partner Program’ ในปี 2014 พร้อมพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้ง Super Stickers, การเป็นสมาชิกช่อง, และล่าสุดคือ Shopping
“ทุกปีเราจะเพิ่มบางสิ่งเพื่อช่วยให้ครีเอเตอร์ไทยประสบความสำเร็จมากขึ้น”
ครีเอเตอร์รายเล็กๆ อยู่ได้ไหม ในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้
คำถามต่อมาคือ ในภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ง่ายแบบทุกวันนี้ ครีเอเตอร์รายเล็กจะยังมีโอกาสหารายได้จาก YouTube หรือไม่?
Sapna ตอบชัดว่า “ได้แน่นอน” เห็นได้จากคอนเทนต์หลายหมวดหมู่ที่เติบโตต่อเนื่อง ไม่ใช่เพียงหมวดใดหมวดหนึ่ง เช่น คอนเทนต์สุขภาพที่โตขึ้นกว่า 100% หรือซีรีส์-ละครที่โตขึ้นกว่า 50% ขณะที่รายได้ของครีเอเตอร์ไทยโดยรวมเติบโตเฉลี่ยกว่า 35% ต่อปี
ส่วนฟีเจอร์การเป็นสมาชิกช่องก็สร้างผลลัพธ์ที่ชัดเจน เช่น ช่อง ‘Zero Sick’ ที่มีสมาชิกเพิ่มขึ้นกว่า 100,000 คนในปีเดียว หรือช่อง ‘กวางสาวพราวรีวิว’ ที่สร้างรายได้ทั้งหมดจาก YouTube Shopping ด้วยคอนเทนต์ที่ผู้ติดตามมองว่า ‘จริงใจ’ และน่าเชื่อถือ
ในอีกด้านหนึ่ง เทคโนโลยีอย่าง AI ก็กำลังเข้ามามีบทบาท หลายคนอาจกังวลว่า ในเมื่อ AI สามารถแทนที่งานบางส่วนของมนุษย์ แล้วครีเอเตอร์แบบเราๆ จะทำอย่างไร
แต่ Sapna ย้ำว่า AI จะเป็น ‘ตัวช่วย’ มากกว่าจะมา ‘แทนที่’ ครีเอเตอร์ เพราะหัวใจของการสร้างคอนเทนต์ยังคงเป็นมนุษย์เสมอ
ซึ่งครีเอเตอร์ไทยเริ่มนำเครื่องมืออย่าง Dream Screen และ Imagen มาใช้เพื่อเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ ส่วนผู้ชมเองก็ได้รับประโยชน์จากฟีเจอร์ AI ที่ช่วยสรุปวิดีโอให้เข้าใจง่ายขึ้น และสำหรับนักโฆษณา AI ช่วยจับคู่ครีเอเตอร์กับแบรนด์ได้แม่นยำกว่าเดิม
จุดเด่นที่ YouTube เหนือกว่าคนอื่น
แล้วในโลกที่เต็มไปด้วยแพลตฟอร์มคู่แข่ง ทำไมครีเอเตอร์ถึงควรเลือก YouTube?
Sapna มองว่าเหตุผลสำคัญคือการที่ YouTube ครบทั้งวิดีโอสั้นและยาว ตามงานวิจัยในไทยระบุว่า 82% ของผู้ใช้บอกว่า Shorts ช่วยให้พวกเขาได้เจอคอนเทนต์ที่ชอบ ซึ่งนำไปสู่การติดตามคอนเทนต์แบบยาว นอกจากนี้ ครีเอเตอร์บน YouTube ยังสามารถสร้างรายได้ได้ทั้งจากวิดีโอยาวและสั้น รวมถึงไลฟ์ด้วย จึงเป็นจุดแข็งที่ทำให้ YouTube แตกต่างจากแพลตฟอร์มอื่น
ไม่หมดเท่านี้ ความน่าเชื่อถือของครีเอเตอร์บนแพลตฟอร์มก็สูงกว่าที่อื่น โดยงานวิจัยของ Ipsos พบว่าผู้ใช้กว่า 98% เชื่อใจครีเอเตอร์บน YouTube มากกว่าบนแพลตฟอร์มอื่น
รวมถึงการเข้าถึงผู้ใช้ในฐานะแพลตฟอร์มวิดีโอที่ใหญ่ที่สุดในโลก และนวัตกรรมใหม่ๆ เช่น Connected TV หรือ Immersive Masthead (โฆษณารูปแบบใหม่ของ YouTube) ที่ทำให้เส้นทางตั้งแต่การค้นหา จนถึงการสั่งซื้อเกิดขึ้นบนแพลตฟอร์มเดียว
YouTube = ศูนย์กลางของเศรษฐกิจครีเอเตอร์
YouTube ไม่ได้มองตัวเองเป็นแค่แพลตฟอร์มวิดีโอเท่านั้น แต่ Sapna บอกว่า YouTube ในยุคนี้ คือ ‘ศูนย์กลางของเศรษฐกิจครีเอเตอร์’ สะท้อนจากสถิติในไทย ที่มีช่องที่มีผู้ติดตามเกิน 1 ล้านคนมากกว่า 1,300 ช่อง
ขณะที่ทั่วโลก YouTube จ่ายเงินให้แก่ครีเอเตอร์ ศิลปิน และบริษัทสื่อรวมแล้วกว่า 7 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ หรือราว 2.28 ล้านล้านบาท ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
ไม่เพียงเท่านี้ จำนวนช่องในไทยที่มีรายได้จากการสนับสนุนของแฟนๆ ก็เพิ่มขึ้นกว่า 35% ภายในปีเดียว
“สิ่งที่ทำให้ YouTube พิเศษก็คือมันเป็นทั้งบ้านของผู้ชม และเป็นพื้นที่ที่ครีเอเตอร์สร้างเศรษฐกิจได้จริง”
ทั้งหมดนี้สะท้อนได้ว่า YouTube ไม่ได้ทำหน้าที่เฉพาะช่องทางที่มอบความบันเทิง หรือเป็นแหล่งการเรียนรู้เท่านั้น แต่ได้กลายเป็น ‘ศูนย์กลาง’ ของเศรษฐกิจครีเอเตอร์ในยุคใหม่ ที่ให้ความสำคัญกับคนทุกกลุ่ม ทุกรูปแบบ
“ฟีเจอร์ใหม่ทุกอย่างตั้งแต่ Shopping ไปจนถึงการโฆษณาล้วนเกิดจากเสียงสะท้อนของครีเอเตอร์เอง ไทยจึงไม่ใช่แค่ตลาด แต่เป็นหัวใจของการพัฒนา Creator Commerce ในภูมิภาคนี้”
ที่มา: สัมภาษณ์พิเศษ Sapna Chadha
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา