ซีพี ออลล์-เซเว่น อีเลฟเว่น เดินหน้าเต็มสูบ ปั้นคนให้ใช้ AI เป็นตั้งแต่ในองค์กรจนถึงระดับเยาวชน ตั้งเป้าให้พนักงานอย่างน้อย 60% ใช้ AI เพิ่มประสิทธิภาพงานประจำให้ได้ภายในปี 2571
พร้อมอัปสกิลรอบด้าน ทั้ง Mindset-Toolset-Skillset และจับมือพันธมิตรระดับท็อปจากรัฐ-เอกชน จัดค่าย Creative AI Camp ปีที่ 8 “AI Nexus: The Bridge to Infinite Possibilities” ปลุกพลังเด็กมัธยม-ปวช.-ปวส.-มหาวิทยาลัย สร้างสรรค์ AI แก้โจทย์ธุรกิจจริง พร้อมโชว์เคสความสำเร็จจากรุ่นพี่ค่ายที่วันนี้กลายเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท Amigrow Group ที่ปรึกษาด้าน Digital Transformation
นายก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ ประธานกรรมการบริหาร ซีพี ออลล์ เผยว่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา AI พัฒนาเร็วแบบก้าวกระโดด จากหลักแสนล้านพารามิเตอร์ ตอนนี้พุ่งทะลุหลักล้านล้านไปแล้ว และกลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยเสริมศักยภาพคนทำงานทุกสาย บริษัทจึงมองไกล วางวิสัยทัศน์ลงทุนในคนอย่างจริงจัง ทั้งในองค์กรและในระดับเยาวชน เพื่อเตรียมพร้อมรับมือโลกอนาคตที่ AI จะเป็นทักษะพื้นฐานของทุกอาชีพ
ภายในองค์กร ซีพี ออลล์เดินหน้าจัดคอร์สอบรมต่อเนื่อง ครอบคลุม 3 มิติสำคัญ: วิธีคิด (Mindset), เครื่องมือ (Toolset), และทักษะใช้งาน (Skillset) โดยตั้งเป้าให้ AI กลายเป็นส่วนหนึ่งของการทำงานประจำวันของพนักงาน พร้อมขยายผลผ่านค่าย Creative AI Camp ที่จับมือพันธมิตรกว่า 8 ราย เช่น Google, AWS, Gosoft, Depa, NECTEC และมหาวิทยาลัยชั้นนำ เพื่อพัฒนาเยาวชนไทยให้เข้าใจ AI แบบลึก-รอบด้าน ต่อยอดสู่การใช้แก้โจทย์จริงในภาคธุรกิจตลอดระยะเวลาอบรมเข้ม 3 เดือน
ด้านนายป๋วย ศศิพงศ์ไพโรจน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ศูนย์ปัญญาประดิษฐ์สร้างสรรค์ สำนัก Digital Strategy บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลาดงานในอนาคต จะต้องการผู้ที่มีทักษะ AI ใน 3 ระดับ
- ผู้ที่มีความสามารถในการประยุกต์ใช้งานขั้นสูง (Super User)
- นวัตกร (Innovator)
- ผู้พัฒนา (Developer)
องค์กรจะคาดหวังว่าพนักงานทุกคนจะต้องมีทักษะ AI ติดตัวมาบ้าง เหมือนที่คาดหวังว่าพนักงานทุกคนในปัจจุบันต้องมีทักษะการใช้อินเทอร์เน็ต ทักษะการใช้ Microsoft Office ค่าย Creative AI Camp ในฐานะค่ายพัฒนาทักษะ AI เยาวชนไทยที่จัดมาอย่างต่อเนื่องที่สุด และสร้างความเปลี่ยนแปลงมากที่สุดในปัจจุบัน จึงไม่ได้คาดหวังให้เยาวชนทุกคนที่จบค่ายนี้ไปต้องกลายเป็นวิศวกรซอฟต์แวร์ (Software Engineer) แต่คาดหวังให้ทุกคนมีทักษะในการประยุกต์ใช้ AI อย่างสร้างสรรค์กับอาชีพในอนาคตของตัวเอง เพราะ AI สามารถเข้าไปยกระดับประสิทธิภาพการทำงานของแต่ละอาชีพได้
“วันนี้เยาวชนตื่นตัวด้าน AI กันมากขึ้น จำนวนผู้สมัครปีนี้พุ่งสูงทะลุ 700 คน น้องๆ หลายคนพกทักษะด้าน AI มาครึ่งกระเป๋าตั้งแต่ก่อนเข้าร่วมค่ายแล้ว ค่ายจึงไม่ได้มุ่งแค่พัฒนาทักษะด้าน AI แต่ยังมุ่งพัฒนาทักษะ Critical Thinking การสร้าง 7 อุปนิสัย หรือ 7 Habits ของผู้มีประสิทธิผลสูง ไปจนถึงทักษะการสร้าง Teamwork ขณะเดียวกัน เราให้เด็กๆ ได้ทดลองแก้ปัญหาโจทย์จริงจากภาคธุรกิจในเครือซีพี ออลล์ ที่มีแนวโน้มจะแก้ไขได้แล้วด้วยเทคโนโลยีปัจจุบัน เด็กๆ ได้ฝึกทักษะความคิดสร้างสรรค์ ได้ความภาคภูมิใจหากแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจริงได้ ส่วนเราเองก็ได้ทดลองแนวคิด ไอเดียใหม่ๆ แก้ Pain Point ของหน่วยธุรกิจต่างๆ ลดความเสี่ยงการทำธุรกิจที่ผิดพลาด” นายป๋วย กล่าว
ด้านนายเลิศชัย คงอำนวยศักดิ์ AI Specialist และหนึ่งในเมนเทอร์ของค่าย Creative AI Camp ปีที่ 8 กล่าวว่า นอกเหนือจากทักษะด้านเทคโนโลยีแล้ว AI Talent ที่องค์กรต้องการในปัจจุบัน ต้องมีคุณลักษณะ 3 ด้าน
- ต้องมีความใฝ่รู้ พร้อมเรียนรู้เรื่องใหม่ๆ อยู่เสมอ เนื่องจาก AI ที่ใหม่ในวันนี้ อาจมีสิ่งที่ใหม่กว่าแล้วในอีก 10 วันข้างหน้า
- ต้องมีสังคมแห่งการแบ่งปัน (Community) เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้วยมุมมองที่หลากหลาย
- มีความคิดนอกกรอบ มีไอเดียใหม่ๆ ไปประยุกต์ใช้สร้างสรรค์นวัตกรรม
“การเข้าร่วมเป็นเมนเทอร์ในครั้งนี้ ไม่ได้มุ่งให้ความรู้แต่เรื่องเทคโนโลยี แต่จะให้แนวคิดทั้งการสร้างทีม การแบ่งงานกันในทีม ทักษะ Pitching และคาดหวังว่าทักษะที่มอบให้น้องๆ เยาวชนในครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มศักยภาพให้แก่น้องๆ ทั้งในการทำงานและการพัฒนาประเทศต่อไป” นายเลิศชัย กล่าว
หลังการจัดค่าย Creative AI Camp อย่างต่อเนื่องถึง 8 ปี อดีตเยาวชนระดับ ม.ปลายในปีแรกๆ ได้เติบโตจนใกล้เรียนจบระดับมหาวิทยาลัย บางคนแม้จะไม่ได้ศึกษาต่อด้าน AI โดยตรง แต่ก็ออกมาร่วมกันก่อตั้งธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ AI ในขณะที่ยังศึกษาอยู่ ล่าสุด นายพศวัต เพ็งพริ้ง หรือน้องต้นกล้า และนายพูนเพิ่ม เกษหอม หรือน้องอู๋ อดีตเยาวชนค่าย Creative AI Camp ปีที่ 2 ได้ร่วมกันก่อตั้งบริษัทที่ปรึกษาด้าน Digital Transformation ของตัวเอง ระหว่างกำลังศึกษามหาวิทยาลัย
นายพศวัต เพ็งพริ้ง หรือน้องต้นกล้า ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ.เอ็ม.จี. อะมิโกรว์ กรุ๊ป หรือ Amigrow Group และอดีตเยาวชนค่าย Creative AI Camp ปีที่ 2 เล่าว่า ค่าย Creative AI Camp ถือเป็นเวทีแรกที่ทำให้ได้รู้จัก AI จากเด็กธรรมดาที่ไม่ได้สนใจ AI มาก่อน ไม่เล่นเกม ไม่มีคอมพิวเตอร์ ค่ายทำให้ตระหนักว่าสิ่งที่ต้องทำคือการหาความรู้เพิ่มเติม ค่ายยังเป็นพื้นที่ให้ทดลองทำอะไรหลายๆ อย่างปลอดภัย โดยมีการสนับสนุนจากวิทยากรและเมนเทอร์ในค่าย
สิ่งสำคัญที่สุดคือ ค่ายกดดันให้ต้องเรียนรู้ เพราะเมื่ออยู่ร่วมในสังคมของค่าย หากไม่เร่งเรียนรู้ก็จะตามคนอื่นไม่ทัน อีกทั้งยังสร้างแรงบันดาลใจให้เริ่มต้นประกอบธุรกิจกับเพื่อนที่มองเห็นทิศทางความสำคัญของ AI ต่อภาคธุรกิจเหมือนกัน เลยมาร่วมกันตั้ง Amigrow Group เป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านการทำ Digital Transformation สำหรับองค์กร
นายพูนเพิ่ม เกษหอม หรือน้องอู๋ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท เอ.เอ็ม.จี. อะมิโกรว์ กรุ๊ป หรือ Amigrow Group และอดีตเยาวชนค่าย Creative AI Camp ปีที่ 2 กล่าวว่า บริษัทมีผู้ก่อตั้งทั้งสิ้น 4 คน โดยเป็นอดีตสมาชิกค่าย Creative AI Camp 2 คน เนื่องจากมองเห็นการเติบโตของ AI ที่ส่งผลต่อภาคธุรกิจ จึงได้รวมตัวกันตั้งบริษัทที่มีทั้งผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจ ด้านเทคโนโลยี เพื่อช่วยเหลือกลุ่ม SME ซึ่งเป็นกลุ่มที่ยังขาดความรู้ความเข้าใจด้านเทคโนโลยี ให้สามารถเปลี่ยนผ่าน นำเทคโนโลยีมาปรับใช้กับส่วนต่างๆ ของธุรกิจ หรือ Digital Transformation ได้อย่างเหมาะสม
โดยคำว่า Amigrow เป็นการเล่นคำพ้องเสียงกับคำว่า Amigo ในภาษาสเปนที่แปลว่าเพื่อน แต่เปลี่ยนคำว่า Go เป็น Grow เติบโต สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของบริษัท “A friend who help you grow, or a space for growing together” ที่ต้องการเป็นเพื่อนช่วย SME เติบโต
ทั้งนี้ การจัดค่าย Creative AI Camp ปีที่ 8 ได้รับความร่วมมือและการสนับสนุนจากพันธมิตรชั้นนำที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในสายงาน AI มากกว่า 30 ราย แบ่งเป็น
- กลุ่มสถาบันการศึกษา ได้แก่ คณะวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (PIM) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยรังสิต
- กลุ่ม Mentor และผู้สนับสนุนเครื่องมือ อาทิ บริษัท โกซอฟต์ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท กูเกิล (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด (AWS) บริษัท ไอโนว์พลัส จำกัด, The Sun Plex Engineering And Software Co., Ltd., Ambient19 Co., Ltd., บริษัท เวคิน (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท เซอร์ทิส จำกัด ฯลฯ โดยมีทีมงาน ตลอดจนผู้บริหารระดับ CEO และผู้ก่อตั้งของแต่ละองค์กรร่วมเป็น Mentor ด้วย
- กลุ่มผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เป็นผู้ที่ทำงานอยู่ในองค์กรเทคโนโลยีระดับโลกและมาร่วมเป็นวิทยากรแบ่งปันองค์ความรู้ในนามส่วนตัว และ 4.กลุ่มผู้สนับสนุนโจทย์ปัญหา เป็นผู้คัดเลือกโจทย์น่าสนใจที่เผชิญจริงในภาคธุรกิจ
ที่มา: ข่าวประชาสัมพันธ์
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา