เมื่อก่อนหวานร้อย ตอนนี้แม้แต่ ‘กาแฟกระป๋อง’ ก็ต้องหวานน้อยแล้ว ‘เบอร์ดี้’ เผยกลุ่ม Zero Sugar โตกว่ากลุ่มหวานปกติแล้ว

เมื่อก่อนหวานร้อย ตอนนี้เริ่มสั่งหวานน้อยแล้วใช่ไหม?

ไม่ใช่แค่กับบรรดา ‘น้ำชง’ หรือ ‘กาแฟสด’ เท่านั้นที่เทรนด์สุขภาพเข้ามาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค เพราะแม้แต่ ‘กาแฟกระป๋อง’ ก็กำลังค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปเหมือนกัน

แม้แต่กาแฟกระป๋อง เทรนด์หวานน้อยก็ยังมา

‘เบอร์ดี้’ แบรนด์กาแฟกระป๋องในเครือ ‘อายิโนะโมะโต๊ะ’ บอกว่า ตอนนี้สินค้าในกลุ่ม ‘น้ำตาล 0%’ และ ‘น้ำตาลน้อย’ มีอัตราการเติบโตมากกว่ากาแฟกระป๋องในหมวดหมู่ปกติแล้ว

พนิดา เนื่องรักษา ผู้จัดการหน่วยงาน Household Business ของอายิโนะโมะโต๊ะ บอกว่า เมื่อก่อนคนไทยอาจจะชอบรสชาติหวานจัด แต่ตอนนี้ลดความหวานลง เพราะเริ่มระมัดระวังเรื่องการบริโภคน้ำตาลและหันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพมากขึ้น

“ลูกค้าบางคนดื่มกาแฟกระป๋องอยู่แล้ว ถ้าเราไม่มีสินค้ากลุ่ม Zero Suger มาตอบโจทย์ ลูกค้าก็อาจจะเลิกดื่มแล้วหันไปเลือกอย่างอื่นแทน พอมีสินค้ากลุ่ม Zero Sugar มาวางขายเป็นตัวเลือกก็ทำให้ลูกค้ายังคงเลือกดื่มกาแฟกระป๋องของเบอร์ดี้ต่อไป”

โดยสินค้ากลุ่ม Zero Sugar ของเบอร์ดี้เริ่มออกจำหน่ายมาตั้งแต่ช่วง 2 ปีก่อน ‘พนิดา’ บอกว่า แม้ฐานจะยังเล็กอยู่ เมื่อเทียบกับยอดขายทั้งหมดของแบรนด์ แต่ก็เห็นการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ และเชื่อว่าสินค้ากลุ่มนี้มีส่วนในการยกระดับแบรนด์เบอร์ดี้

ออกสินค้าใหม่ ปรับภาพแบรนด์ เจาะลูกค้าอายุน้อยลง

ปัจจุบัน สัดส่วนยอดขายหลักของเบอร์ดี้ยังคงมาจาก ‘กาแฟกระป๋อง’ ถึง 79% ตามด้วยกลุ่ม 3-in-1 ราว 20% และสินค้าใหม่อย่าง Birdy® Café ราว 1% โดยกลุ่มลูกค้าหลักที่ดื่มกาแฟกระป๋องมักจะเลือกดื่มเอาฟังก์ชันเป็นหลัก หรือเรียกง่ายๆ ว่า “ดื่มเพื่อตื่น” จึงเป็นกลุ่มที่มีฐานกว้าง มักเป็นวัยทำงานที่มีอายุมากกว่า 30 ปีขึ้นไป

ขณะที่ลูกค้าของ Birdy® Café ที่ออกใหม่มาจำหน่ายในรูปแบบขวด PET จะเน้นเข้าถึงลูกค้าที่อายุน้อยลง จึงเลือกนำสินค้าสินค้าที่รสชาติแตกต่างออกไป ไม่ว่าจะเป็นรสคาราเมลมัคคิอาโตหรืออื่นๆ มุ่งหวังเจาะลูกค้ากลุ่มอายุต่ำกว่า 30 ลงมาถึงกลุ่มนักศึกษา เป็นส่วนหนึ่งของการปรับภาพลักษณ์แบรนด์ใหม่ให้เด็กลง

และตอนนี้ทางเบอร์ดี้ก็ยังอยู่ระหว่างศึกษาสินค้าตัวอื่นๆ เพิ่มเติม หวังรักษากระแสในตลาดเครื่องดื่มที่มีมูฟเมนท์ใหม่ๆ กันตลอดเวลา โดยความตั้งใจคืออยากจะมีฐานลูกค้าครอบคลุมทุกเซกเมนต์ เพราะคอกาแฟมีทุกเพศทุกวัยจึงต้องการสินค้าที่แตกต่างกัน เพื่อรักษาอันดับ 1 ของตลาดกาแฟกระป๋องเอาไว้ให้เหมือนที่ผ่านมา

ไม่ใช่แค่กาแฟ แต่ ‘อายิโนะโมะโต๊ะ’ ปรับตัวรับคนไทยใส่ใจสุขภาพ

โดยไม่ใช่แค่ ‘เบอร์ดี้’ เท่านั้นที่หันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพของผู้บริโภคมากขึ้น แต่แบรนด์อื่นๆ ในเครืออายิโนะโมะโต๊ะล้วนปรับตามผู้บริโภคที่หันมาสนใจสุขภาพมากขึ้น ยกเอา Eat Well, Live Well หรือ กินดีมีสุข มาเป็นกลยุทธ์หลักของบริษัทตั้งแต่ปีก่อน โดยตอนนี้ก็ได้ลุยทำไปหลายอย่างแล้ว

  • ออกสินค้า ‘รสดี’ กลุ่มทางเลือกสุขภาพ เช่น แป้งชุบทอดปรุงรสสำเร็จ สูตรลดการอมน้ำมัน 30% และลดโซเดียม หรือรสดีมายด์ที่ลดเกลือลง 15%
  • ออกสินค้า ‘อาหารแช่แข็งสไตล์ญี่ปุ่น’ เน้นกินง่ายและดีต่อสุขภาพ เช่น เกี๊ยวซ่าหมู
  • ออกสินค้า ‘อาหารพร้อมทาน’ แบบ Ready-to-eat เจาะลูกค้าคนรุ่นใหม่ที่เร่งรีบแต่ยังใส่ใจสุขภาพ อย่าง ’อายิโนะโมะโต๊ะ ควิก มีล’ โจ๊กพร้อมทานสำหรับคนเมือง
  • พัฒนา ‘อาหารเสริมกรดอะมิโน’ เน้นกลุ่มคนรักกีฬา ใส่ใจสุขภาพ และความงาน ตอนนี้มี ‘วอเตอร์ชาร์จ’ เสริมพลังวิ่ง ‘อะมิโนไนท์’ เสริมการนอน และอะมิโนมอฟ สำหรับผู้สูงวัยแล้ว
  • พัฒนาแอป i-LiveWell จับมือกลุ่มธนาคาร ประกันสุขภาพ โค้ชสุขภาพ และ telemedicineฯลฯ

นอกจากนั้น ยังพามาสคอตอย่าง AjiPanda ที่เป็น Brand Ambassador ของกลุ่มบริษัทอายิโนะโมะโต๊ะทั่วโลกมาเริ่มสื่อสารกับคนไทยแล้วด้วย

ในปีที่ผ่านมา ‘อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย)’ มีผลประกอบการ  32,663  ล้านบาท ทำให้ขยับขึ้นไปอยู่เบอร์ 6 ของกลุ่มธุรกิจผู้ผลิตอาหารในประเทศไทย โดยมีสินค้าทำรายได้หลักและครองส่วนแบ่งทางการตลาดสูงที่สุดคือ

  • ผงชูรสอายิโนะโมะโต๊ะ 90%
  • รสดี 80%
  • กาแฟกระป๋องเบอร์ดี้ 50%

ส่วนกลุ่มที่มีการเติบโตที่โดดเด่น คือ กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารเสริมกรดอะมิโน 30% และอาหารแช่แข็ง 80% สะท้อนความแข็งแกร่งของกลยุทธ์ใหม่ ครอบคลุมผู้บริโภคไทยทุกกลุ่มและทันกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของคนไทยด้วย

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา