คุยกับ ธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ ปฏิบัติการพลิกโฉมไทยสู่ยุค AI ด้วยโครงการ THAI Academy

ในยุคที่ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป แต่กำลังจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของทุกชีวิตและทุกธุรกิจ Microsoft ในฐานะผู้นำเทคโนโลยีระดับโลก ได้มองเห็นศักยภาพอันยิ่งใหญ่ของประเทศไทยในฐานะ “Strategic Country” ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การลงทุนเพื่อจัดตั้ง Cloud & AI Data Center ในไทยจึงเป็นเพียงจุดเริ่มต้น

ธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด บอกว่า หัวใจสำคัญของการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง คือการ “สร้างคน” ให้พร้อมรับและใช้ประโยชน์จาก AI เพื่อขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน และนั่นคือที่มาของโครงการ “THAI Academy” ภายใต้ความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างไมโครซอฟท์และรัฐบาลไทย พร้อมพันธมิตรจากภาครัฐและภาคเอกชนกว่า 35 องค์กร เพื่อขับเคลื่อนประเทศสู่ยุค AI First

จุดแข็งไทย + พลัง AI = โอกาสมหาศาลที่รอวันปลดปล่อย

ทำไมต้องเป็นประเทศไทย? ประเทศไทยมีจุดแข็งและเป็นที่ยอมรับในระดับโลก โดยเฉพาะในภาคบริการ ลองจินตนาการดูว่า หากเรานำพลังของ AI เข้ามาต่อยอดกับจุดแข็งเหล่านี้ อะไรจะเกิดขึ้น?

  • Healthcare Hub: ประเทศไทยมีศักยภาพด้านการแพทย์และสาธารณสุขสูงมาก ทั้งบุคลากรทางการแพทย์และคุณภาพการบริการ เมื่อ AI เข้ามาเป็นผู้ช่วยมือหนึ่งของคุณหมอ ช่วยวิเคราะห์ข้อมูล ซัพพอร์ตการตัดสินใจ และจัดการระบบบริการให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น การก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางสุขภาพ (Healthcare Hub) ของเอเชีย หรือแม้กระทั่งของโลก ก็ไม่ใช่เรื่องเกินฝัน
  • อุตสาหกรรมบริการและการท่องเที่ยว: ภาคบริการคือหัวใจของเศรษฐกิจไทย AI สามารถเข้ามาปฏิวัติประสบการณ์การท่องเที่ยว ตั้งแต่การวางแผนการเดินทางส่วนบุคคล, การบริการในโรงแรม, ไปจนถึงการสื่อสารที่ไร้รอยต่อกับนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกที่มาเยือนไทยปีละหลายสิบล้าน
    คน

แสดงให้เห็นว่า AI ไม่ได้เข้ามาเพื่อทดแทน แต่เข้ามาเพื่อ “ส่งเสริมและปลดล็อก” ศักยภาพที่ประเทศไทยมีอยู่แล้วให้เฉิดฉายยิ่งขึ้น

เจาะลึก 5 กลุ่มเป้าหมาย: ปฏิบัติการพลิกโฉมไทยด้วยทักษะ AI เป้าหมาย 1 ล้านคน!

ธนวัฒน์ บอกว่า หัวใจของโครงการ THAI Academy คือการตั้งเป้าหมายที่ท้าทายและยิ่งใหญ่ นั่นคือการ สร้างทักษะด้าน AI ให้กับคนไทย 1 ล้านคนภายในปีแรก! ภารกิจนี้ไม่ได้ทำขึ้นมาลอยๆ แต่มีการวางแผนเจาะลึกไปยัง 5 กลุ่มเป้าหมายหลัก เพื่อสร้างแรงกระเพื่อมให้เกิดขึ้นทั่วทั้งประเทศ

  1. ภาคการศึกษา (Education): สร้างรากฐานแห่งอนาคต เข้าถึงกว่า 747,000 คน (นักเรียนมัธยมและนักศึกษา) และ 10,000 คน (คุณครูและอาจารย์) 

    เมื่อจำนวนนักเรียนต่อคุณครูในประเทศไทยค่อนข้างสูง AI จะเข้ามาเป็นเครื่องมือพลิกเกม โดยจะทำหน้าที่เป็น “Personal Tutor” ให้กับนักเรียนทุกคน สามารถถามคำถามที่ซับซ้อน ฝึกภาษาอังกฤษ หรือทำการบ้านได้ทุกที่ทุกเวลา ขณะเดียวกัน AI ก็จะเป็น “Teacher’s Assistant” ช่วยคุณครูเตรียมแผนการสอน สร้างเกมการเรียนรู้ หรือแม้กระทั่งช่วยตรวจการบ้าน ทำให้คุณครูมีเวลาโฟกัสกับการพัฒนาศักยภาพของนักเรียนได้อย่างเต็มที่

  2. ชุมชน (Communities): สะพานเชื่อมโอกาสสู่คนตัวเล็ก เข้าถึงสมาชิกในชุมชนกว่า 110,000 คน
    การลดความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัล คือภารกิจสำคัญ ผ่านความร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) ที่มีศูนย์ดิจิทัลชุมชนอยู่ 1,722 แห่งทั่วประเทศ เราตั้งเป้าเทรนคนในชุมชน ให้พวกเขาสามารถส่งต่อความรู้ภายในชุมชน และใช้ AI แก้ปัญหาในชีวิตประจำวันได้จริง เช่น เกษตรกรสามารถถ่ายรูปใบไม้ที่เป็นโรคแล้วถาม Copilot เพื่อวินิจฉัยและหาวิธีแก้ไข หรือผู้ประกอบการในชุมชนสามารถใช้ AI เพื่อวางแผนการตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นของตนเอง
  3. ภาคธุรกิจ SME: เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เข้าถึงผู้ประกอบการและพนักงานกว่า 70,000 คน
    ผู้ประกอบการและพนักงานในธุรกิจ SME จะสามารถใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน (Productivity) วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อหากลุ่มลูกค้าใหม่ๆ หรือแม้กระทั่งสร้าง Business Model ที่แตกต่างเพื่อเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขันในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
  4. ประชาชนทั่วไป (General Public): อัพสกิล-รีสกิล สู่โอกาสใหม่ เข้าถึงคนทั่วไปกว่า 250,000 คน
    ในโลกที่ตำแหน่งงานต้องการทักษะ AI เพิ่มขึ้นถึง 6 เท่า (ข้อมูลจาก LinkedIn) กลุ่มนี้คือกลุ่มที่ต้องปรับตัวมากที่สุด โครงการจะช่วยให้ประชาชนทั่วไปได้รับการ Upskill และ Reskill ผ่านหลักสูตรที่เข้าถึงง่าย เพื่อให้พร้อมสำหรับตำแหน่งงานในอนาคต หรือแม้กระทั่งสามารถเปลี่ยนสายอาชีพไปสู่สายงานเทคโนโลยีที่มีรายได้สูงขึ้น
  5. ข้าราชการ (Government): ปฏิรูปการบริการภาครัฐ พัฒนาทักษะข้าราชการกว่า 22,000 คน
    ข้อมูลคือขุมทรัพย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของภาครัฐ ผ่านความร่วมมือกับ DGA เราจะเปลี่ยนข้อมูลมหาศาลเหล่านั้นให้กลายเป็น Insight เพื่อพัฒนานโยบายและยกระดับการบริการประชาชนให้มีประสิทธิภาพและตรงจุดมากยิ่งขึ้น การจัดกิจกรรมอย่าง Hackathon ยังช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ จากภายในระบบราชการเอง

AI Skills Navigator: ประตูสู่โลก AI ที่เปิดกว้างสำหรับทุกคน

เพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย 1 ล้านคนไทยใช้ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ Microsoft ได้สร้างแพลตฟอร์ม AI Skills Navigator ขึ้นมาให้เป็นคลังแสงแห่งความรู้ ที่เปรียบเสมือนประตูสู่โลก AI ที่เปิดกว้างสำหรับทุกคน โดยมีกว่า 200 หลักสูตร ที่ตอบโจทย์การฝึกทักษะ ทำความเข้าใจ และใช้ประโยชน์จาก AI ในหลากหลายสถานการณ์ คนเริ่มต้นใช้งาน คนทั่วไป คนทำงานเฉพาะทาง หรือนักพัฒนาซอฟต์แวร์ ก็สามารถใช้งานได้ฟรี โดยแบ่งเป็น

  • AI Basics – ปูพื้นฐานตั้งแต่ความเข้าใจในเทคโนโลยี AI ประวัติศาสตร์และที่มาเบื้องหลังนวัตกรรม และพื้นฐานในการเริ่มใช้งาน
  • AI Skills for Everyone – หลักสูตรรวบรัดที่เจาะพื้นฐานการใช้งานเครื่องมือ AI บนแพลตฟอร์มของไมโครซอฟท์ในสถานการณ์ประจำวันอย่างถูกต้อง แม่นยำ และได้ผลจริง
  • Azure AI: Zero to Hero – เปิดประตูให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์และนักศึกษาก้าวสู่โลกของคลาวด์และ AI อย่างเต็มตัว กับพื้นฐานในการสรรสร้างเครื่องมือและโซลูชันพลังงาน AI เพื่อแก้ปัญหาและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน

ความพิเศษของ AI Skills Navigator คือ คนไทยสามารถเข้าถึงได้ง่ายด้วยภาษาไทย (Localization) ทำลายกำแพงภาษา ย่อยเรื่องยากให้ง่ายโดยบรรดา Influencer ที่มีความเชี่ยวชาญในการถ่ายทอดเรื่องที่ซับซ้อนให้เข้าใจได้ง่าย ดูสนุก ทำให้ผู้เรียนไม่รู้สึกเบื่อ และอย่างที่บอกว่า ทั้งหมดฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อกระจายโอกาสการพัฒนาทักษะ AI อย่างเท่าเทียมที่สุด

ความท้าทายที่น่าตื่นเต้น: จาก “เรียนรู้” สู่ “ใช้งานจริง”

ธนวัฒน์ บอกว่า แม้โครงการจะมีความคืบหน้าไปมาก แต่ก็ยังมีความท้าทายที่น่าสนใจรออยู่ข้างหน้า

  1. การเรียนรู้ที่ต่อเนื่องจนจบหลักสูตร ความท้าทายสำคัญคือ ทำอย่างไรให้ผู้เรียนกว่าล้านคน ไม่ใช่แค่ “เข้ามาเรียน” แต่สามารถ “เรียนจนจบ” และได้รับใบรับรอง (Certification) เพื่อเป็นเครื่องยืนยันถึงทักษะที่มีคุณภาพ
  2. การวัดผลเชิง Impact นอกจากการนับจำนวนผู้เรียนแล้ว การติดตามและวัดผลว่าผู้ที่เรียนไปแล้วได้นำความรู้ไปสร้างประโยชน์อะไรบ้าง ทั้งในแง่การทำงาน การสร้างธุรกิจ หรือการแก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน ยังคงเป็นโจทย์ใหญ่ที่ต้องหาคำตอบ

ทั้งหมดเป็นสิ่งที่ Microsoft จะต่อยอดโครงการ THAI Academy ให้สามารถวัดผลได้จริง สร้าง Impact ให้เกิดขึ้น

  • เน้นการรับรอง (Certification) เพื่อให้เกิดความเข้าใจและนำไปใช้งาน ต่อยอดสู่การรับรองที่เป็นมาตรฐานและเพิ่มมูลค่าให้กับทักษะของผู้เรียนได้อย่างแท้จริง
  • สร้าง Digital Feedback Loop เริ่มกระบวนการเก็บข้อมูลผ่านแบบสำรวจ (Survey) เพื่อติดตามว่าผู้เรียนได้นำทักษะ AI ไปปรับใช้อย่างไร เกิดผลลัพธ์อะไรขึ้นบ้าง เพื่อนำข้อมูลมาปรับปรุงหลักสูตรให้ตอบโจทย์และสร้าง Impact ได้อย่างตรงจุด
  • เพิ่มเนื้อหาเฉพาะทาง (Localized Content) พัฒนาเนื้อหาและ Use Case ที่เจาะจงสำหรับแต่ละกลุ่มอาชีพมากขึ้น เช่น ข้าราชการ บริหารนโยบายภาครัฐ และคุณครูในการเตรียมการสอน

ภาพสุดท้ายที่อยากเห็น: เมื่อ AI กลายเป็น “ไฟฟ้า” ของทุกคน

ภาพสุดท้ายที่ Microsoft อยากเห็นจากโครงการนี้ ไม่ใช่แค่ตัวเลขผู้เรียน 1 ล้านคน แต่คือภาพของประเทศไทยที่ประชากรทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ทำอาชีพอะไร สามารถเข้าถึงและใช้ AI ได้อย่างเท่าเทียม เหมือนกับที่ครั้งหนึ่ง “ไฟฟ้า” ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงโลกและสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับมวลมนุษยชาติ

เป้าหมายสูงสุดของ THAI Academy ไม่ใช่แค่การสร้างโปรแกรมเมอร์ แต่คือการสร้าง “พลเมือง AI (AI Citizens)” ที่พร้อมจะนำความรู้และเครื่องมืออันทรงพลังนี้ ไปต่อยอดจุดแข็งของตนเองและของประเทศ เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวกระโดดไปสู่การเป็นผู้นำในยุคดิจิทัลได้อย่างสง่างามและยั่งยืนอย่างแท้จริง

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา