Ericsson มองเครือข่าย 5G SA จะเสริมประสิทธิภาพการทำงาน AI โดยเฉพาะยูสเคส อุปกรณ์ Generative AI (GenAI) ที่ต้องการเครือข่ายการทำงานที่ซับซ้อนได้ พร้อมยังสนับสนุนให้ไทยจัดสรรคลื่นความถี่ 3500MHz มาใช้อุตสาหกรรมโทรคมนาคม เพื่อให้ใช้งาน 5G SA ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
รายงาน Ericsson Mobility ฉบับเดือนมิถุนายน 2025 เปิดเผยข้อมูลและแนวโน้มเกี่ยวกับการใช้งานเครือข่ายมือถือ การเติบโตของเทคโนโลยี 5G และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้งานของผู้บริโภคในด้านต่างๆ พบว่า คาดการณ์สิ้นปี 2030 จำนวนบัญชีผู้ใช้บริการ 5G ทั่วโลก จะพุ่งแตะ 6.3 พันล้านราย และคาดว่าสิ้นปี 2025 บัญชีผู้ใช้ 5G ทั่วโลกจะเพิ่มเป็น 2.9 พันล้านราย หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของยอดผู้ใช้บริการมือถือทั้งหมด ส่วนปริมาณการใช้ดาต้าเน็ตบนเครือข่ายมือถือทั่วโลกเพิ่มขึ้น 19% จากไตรมาสแรกของปี 2024 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีนี้ ถึงแม้อัตราการเติบโตจะลดลง แต่ปริมาณการใช้ดาต้ายังเพิ่มขึ้นทุกปี โดยในรายงานนี้ยังคาดการณ์ว่ายอดการใช้ดาต้าเน็ตมือถือจะเพิ่มมากกว่าสองเท่าตลอดช่วงของการคาดการณ์จนถึงสิ้นปี 2030
สำหรับประเทศไทย Ericsson Mobility คาดการณ์ว่าปริมาณการใช้ดาต้าเน็ตต่อสมาร์ทโฟนคาดว่าจะเติบโตจาก 30 กิกะไบต์ต่อเดือน ในปี 2023 เพิ่มเป็น 67 กิกะไบต์ต่อเดือน ในปี 2030 ถือเป็นโอกาสที่โอเปอเรเตอร์ในการเพิ่มรายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้งาน (ARPU) จากการใช้งานดาต้าบนเครือข่าย 5G

มร.แอนเดอร์ส เรียน ประธานบริษัท อีริคสัน ประเทศไทย ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า สำหรับการใช้งาน 5G ที่มีการเติบโตเรื่องปริมาณการใช้งานเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวในอีก 5 ปีข้างหน้านั้น มองเป็นเทรนด์จากการใช้แอปพลิเคชัน และ Streaming ที่เพิ่มขึ้น รวมไปถึงการใช้งาน AI ที่ต้องการใช้เครือข่าย 5G ในการเชื่อมต่อการทำงาน และต้องทำงานบนเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพ ซึ่ง Ericsson ย้ำเรื่องของธรรมาภิบาลในการปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัย จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าและผู้ใช้งาน
“สำหรับเครือข่าย 5G Standalone (SA) ที่ร่วมทำงานกับอุปกรณ์ที่รองรับ 5G จะยกระดับประสิทธิภาพและระบบนิเวศที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงใหม่ และเพื่อให้ 5G ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ สิ่งสำคัญที่จะต้องดำเนินการคือการนำเครือข่าย 5G SA มาใช้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสร้างฐานย่านความถี่ Mid-Band เพิ่มเติม ซึ่งอีริคสัน ประเทศไทย พร้อมร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันของประเทศไทย โดยอาศัยความเป็นผู้นำระดับโลกของเราในด้านเทคโนโลยี 5G ที่วันนี้เปิดให้บริการเครือข่าย 5G ไปแล้ว 187 เครือข่ายทั่วโลก จะผลักดันการขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัล… เราเชื่อว่าการร่วมมือที่เข้มแข็งในระบบนิเวศเป็นสิ่งสำคัญช่วยปลดล็อกศักยภาพของเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลได้เต็มที่ ด้วยการทำงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานภาครัฐ พันธมิตรในอุตสาหกรรม และชุมชนต่าง ๆ เราตั้งเป้าส่งเสริมนวัตกรรม สร้างความเท่าเทียม และการเติบโตระยะยาวให้กับประเทศไทย”
การใช้ 5G SA ที่ได้รับการพัฒนาเพิ่มขึ้นจะเป็นรากฐานที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นสำหรับการนำไปปรับใช้และขับเคลื่อนยูสเคสการใช้งานใหม่ๆ ให้กับทั้งองค์กรและผู้บริโภค เนื่องจากอุปกรณ์ generative AI (GenAI) เป็นที่แพร่หลายและแอปฯ AI มีความซับซ้อนยิ่งขึ้น ผู้ให้บริการแอปพลิเคชันและผู้ให้บริการด้านการสื่อสารจึงต้องให้ความสำคัญกับความสามารถในการอัปลิงก์ (Uplink) และระยะเวลาแฝงในการรับ–ส่งข้อมูล (Latency) มากขึ้น ตามรายงาน Ericsson Mobility Report ระบุถึงอุปกรณ์ 5G ที่เป็นนวัตกรรมอื่นๆ นอกเหนือจาก GenAI ที่ฝังอยู่ในสมาร์ทโฟนรุ่นไฮเอนด์ อย่าง แว่นตาอัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วย AI และใช้ประสิทธิภาพจากการโต้ตอบด้วยเสียง รวมถึงการนำประสิทธิภาพการเชื่อมต่อที่แตกต่างกัน (Differentiated Connectivity) มาใช้มากขึ้นในแอปพลิเคชันใหม่ ๆ สำหรับผู้บริโภคและสำหรับองค์กร โดย Differentiated Connectivity จะเป็นกุญแจสำคัญมอบประสบการณ์คุณภาพสูงให้กับผู้ใช้ สำหรับ AI Agent ที่ออกแบบมาเฉพาะบุคคลและแอปพลิเคชันการสนทนาอื่นๆ
อ่านรายงาน Ericsson Mobility ฉบับเต็ม มิถุนายน 2025 ได้ที่ลิงก์นี้
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา