ไวไว เดินเกมรุกตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 30,000 ล้าน เปิดตัว ‘Waiwai WOW’ สินค้ากลุ่มพรีเมียมเขย่าบัลลังก์เจ้าตลาด ชูกลยุทธ์ราคาเข้าถึงได้ เพียงซองละ 11 บาท หลังพฤติกรรมผู้บริโภคให้การยอมรับสินค้าพรีเมียม ประเดิมส่ง 2 รสชาติเกาหลี-ญี่ปุ่น “รสโคเรียน สไปซี่ซีฟู้ดและรสแกงกะหรี่ญี่ปุ่นชีส” เจาะกลุ่มลูกค้าวัยรุ่น คาดกวาดยอดขายปีแรก 300 ล้าน ในตลาดรวม Premium ที่มีสัดส่วน 10-15% หรือประมาณ 3,000-4,500 ล้าน พร้อมตั้งเป้า 3 ปีโกยแชร์ 25%
ยศสรัล แต้มคงคา ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายการตลาด บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบรนด์ไวไว (WaiWai) เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีหลังนี้บริษัทได้เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในกลุ่มพรีเมียม แบรนด์ไวไว ว้าว (Waiwai WOW) ในราคา 11 บาท เพื่อบุกตลาดกลุ่มบะหมี่พรีเมียมที่มีอัตราการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง จากการเห็นโอกาสทางการตลาดหลังทำการศึกษาข้อมูลและวิจัยตลาดมานาน ซึ่งพบว่าผู้บริโภคในยุคปัจจุบันให้การยอมรับกับสินค้ากลุ่มพรีเมียมมากขึ้น
“นับตั้งแต่มีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจากเกาหลี เข้ามาทำตลาดกลุ่มพรีเมียมซึ่งวางขายในราคาซองละ 55 บาท ซึ่งปัจจุบันมองเห็นว่าเป็นโอกาสและจังหวะที่ดีจะเปิดตัวสินค้าใหม่ เพราะผู้บริโภคให้การยอมรับทั้งเรื่องของรสชาติและราคา ซึ่งในท้องตลาดยังมีสินค้าจากแบรนด์อื่นที่ทำตลาดกลุ่มพรีเมียมด้วย โดยขายซองละ 15 บาท และยังพบว่าปัจจุบันสินค้ากลุ่มพรีเมียมเติบโตสูงด้วยตัวเลข 2 หลัก แต่สินค้าทั่วไปที่ขายซองละ 7 บาทเติบโตเพียงตัวเลขหลักเดียวเท่านั้น”
จากความพร้อมด้านผลิตภัณฑ์และโอกาสทางตลาด บริษัทจึงเปิดตัวบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปพรีเมียม “ไวไว ว้าว (Waiwai WOW)” บุกตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปพรีเมียม ซึ่งในเบื้องต้นจะเปิดตัว 2 รสชาติ ได้แก่ รสโคเรียน สไปซี่ซีฟู้ด (Korean spicy seafood) และรสแกงกะหรี่ญี่ปุ่นชีส (Japanese curry cheese) โดยเบื้องต้นวางจำหน่ายในร้าน 7-11 ทุกสาขาก่อน 1 เดือน หลังจากนั้นจะกระจายไปยังช่องทางต่าง ๆ ทั้งโมเดิร์นเทรดและร้านค้าทั่วไป นอกเหนือจาก 2 รสชาติดังกล่าว บริษัทวางแผนเปิดตัวรสชาติใหม่เพิ่มอีก 4 รสชาติ ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2569
สำหรับ “ไวไว ว้าว (Waiwai WOW)” บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายในปีแรกประมาณ 300 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 10% ของตลาดรวม Premium ที่มีสัดส่วนประมาณ 10-15 % หรือ ประมาณ 3,000-4,500 ล้านบาท ในมูลค่าตลาดรวมประมาณ 30,000 ล้านบาท โดยภายในระยะ 3 ปี ตั้งเป้าหมายว่าจะมียอดขายคิดสัดส่วน 25% ของมูลค่าตลาดพรีเมี่ยม
โดยการบุกตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในกลุ่มพรีเมียมครั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะมีส่วนผลักดันให้ผลประกอบการโดยรวมเติบโตอย่างต่อเนื่อง และช่วยเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดแบรนด์ไวไวให้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งตั้งเป้าหมายจะเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดขึ้นเป็น 25% ภายในระยะ 3 ปีนับจากนี้
ยศสรัล กล่าวอีกว่า การเปิดตัว “ไวไว ว้าว (Waiwai WOW)” ได้ใช้กลยุทธ์ด้านราคาขายซองละ 11 บาท ซึ่งเป็นราคที่ผู้บริโภคเข้าถึงได้ง่าย เพราะราคาเพิ่มขึ้นเพียง 4 บาทจากราคาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปปกติที่จำหน่ายซองละ 7 บาทเท่านั้น และยังถือว่าต่ำกว่าแบรนด์คู่แข่งในตลาดที่จำหน่ายซองละ 15 บาทด้วย จึงมั่นใจว่าสินค้าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคอย่างแน่นอน นอกจากการใช้กลยุทธ์ด้านราคา บริษัทยังให้ความสำคัญในเรื่องรสชาติที่มีการพัฒนามาจากต้นตำรับแท้ ๆ จากเกาหลีและญี่ปุ่น จึงเชื่อว่าหากลูกค้าได้ทดลองสินค้าใหม่ จะชื่นชอบรู้สึก WOW อย่างแน่นอน เนื่องจากตัวเส้นมีความพิเศษ เป็นรสชาติสัมผัสใหม่จากไวไว ที่ได้รับการพัฒนามาอย่างดี
ขณะเดียวันบริษัทยังมีแผนการตลาดและกลยุทธ์การตลาดอื่น ๆ เสริมอย่างต่อเนื่อง โดยจัดสรรงบประมาณการตลาด 10-15% ของยอดขาย เพื่อสร้างการรับรู้ไปยังกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงกระตุ้นยอดขายให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ อาทิ การพัฒนาเกมออนไลน์ หรือการเข้าร่วมกับเกมออนไลน์ในการทำกิจกรรมการตลาด การใช้กลยุทธ์มิวสิค มาร์เก็ตติ้ง เพื่อสร้างแบรนด์กับกลุ่มเด็กและวัยรุ่นตามโรงเรียนต่าง ๆ การใช้กลยุทธ์สปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง เพื่อสื่อสารการตลาด เป็นต้น
“กลุ่มเป้าหมายหลักเบื้องต้นเป็นกลุ่มวัยรุ่น ที่จะมีการสื่อสารและสร้างแบรน์โดยใช้ช่องทางออนไลน์ และกิจกรรมการตลาดต่าง ๆ แต่กลุ่มเป้าหมายสำคัญสำหรับของแบรนด์ไวไว ว้าวคงเป็นผู้บริโภคทุกคน” นายยศสรัล กล่าวและว่า
สำหรับทิศทางตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในช่วงที่ผ่านมา ถือว่ามีความคึกคักพอสมควรจากการเปิดตัวรสชาติใหม่ของแบรนด์ต่าง ๆ แต่การเติบโตยังอยู่ในอัตราเลขตัวเดียว ส่วนช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าภาพรวมตลาดยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เพราะบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรก็ตาม คนส่วนใหญ่ยังคงบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอย่างต่อเนื่อง และภาพรวมตลาดบะหมี่ในช่วงครึ่งปีหลังยังคงคึกคักจากการที่แต่ละแบรนด์มีการออกสินค้าใหม่มาทำตลาดด้วย โดยเฉพาะตลาดบะหมี่ในกลุ่มพรีเมียมซึ่งมีอัตราการเติบโตด้วยตัวเลข 2 หลักทุกปี และปัจจุบันมีสัดส่วนประมาณ 10% ของมูลค่าตลาดรวม คิดเป็นมูลค่า 3,000 ล้านบาท คาดว่าปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 4,000 ล้านบาทด้วย
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา