รายงานจาก KKP Research เผย แม้ศาลการค้าของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ มีคำสั่งยับยั้งการขึ้นภาษีของทรัมป์ ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น เพราะปัญหาที่ใหญ่กว่านั้นคือการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ ที่เชื่อมไปถึงการขาดดุลการคลังด้วย
การขาดดุลการค้าของสหรัฐฯมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง มีมูลค่าสูงกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี ส่งผลให้สหรัฐฯ ไม่มีมาตรการลดการขาดดุลที่ชัดเจน สหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะก่อหนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพื่อจ่ายค่านำเข้าสินค้าจากการขาดดุลในระดับสูง
การขาดดุลการค้าจะกลายเป็นต้นเหตุที่นำไปสู่ปัญหาการขาดดุลการคลัง ที่ทางเศรษฐศาสตร์เรียกว่าขาดดุลแฝด ระดับการขาดดุลตอนนี้ทำให้ระดับหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง และรวดเร็ว จากระดับ 122% ต่อ GDP ในปัจจุบัน จะสูงขึ้นเป็น 156% ในปี 2035 และจะไม่สามารถปรับตัวลดลงได้ในระยะยาว
นักลงทุนจะกังวลความน่าเชื่อถือในการชำระหนี้ของรัฐบาลสหรัฐ
จะเกิดปัญหาด้อยค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ตามมา
ถ้าสหรัฐฯ จะจัดการปัญหาการขาดดุลได้ ภาษีนำเข้าจะถูกใช้เป็นเครื่องมือในการต่อรองข้อตกลงทางการค้า ดึงภาคผลิตกลับประเทศและเพิ่มการจัดเก็บรายได้เข้ารัฐบาล
สหรัฐฯ จะลดขาดดุลการค้าด้วยการเปิดตลาดหรือสินค้าจากสหรัฐฯ มากขึ้น รวมทั้งลดหนี้สาธารณะด้วยการเพิ่มการเติบโตในประเทศผ่านการดึงการลงทุนในภาคการผลิตและลดกฎเกณฑ์ที่จำกัดการเติบโต
สหรัฐฯ จะไม่เลิกเก็บภาษี และจะเจรจายากขึ้น ถึงแม้ศาลจะสั่งให้สหรัฐฯ ไม่ขึ้นภาษี ทรัมป์จะหาช่องขึ้นภาษีนำเข้าผ่านกระบวนการรัฐบสภาได้อยู่ดี พรรครีพับลิกันเองก็ครองเสียงข้างมากทั้ง 2 สภาอยู่
สิ่งที่น่ากังวลในเรื่องสงครามการค้าตอนนี้ เรื่องการขึ้นภาษีของทรัมป์อาจเบาไป เมื่อเทียบกับการพยายามเข้าตีตลาดภายในประเทศจากสินค้าราคาถูกจากจีนที่พยายามกระจายการผลิตส่วนเกินออกไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก จะทำให้ส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตและการจ้างงานหดตัวขึ้นแน่นอน โดยเฉพาะในอาซียนที่มีอำนาจในการต่อรองต่ำ
ที่มา – KKP Research
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา