
แหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องกับ Meta ให้สัมภาษณ์กับ The Wall Street Journal บอกว่า ตอนนี้ทางบริษัทมีแผนที่จะให้แบรนด์ต่างๆ สามารถสร้างคอนเทนต์และยิงโฆษณาได้เองด้วย AI โดยวางแผนว่าจะให้ใช้งานจริงทั้งหมดในปลายปี 2026
อันที่จริงแล้ว Meta มีระบบ AI ที่ให้แบรนด์ต่างๆ สามารถแก้ไขหรือสร้างคอนเทนต์โฆษณาได้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่า ระบบใหม่ที่ว่านี้จะสร้างโฆษณาได้แบบครบวงจร
ด้วยพลังของ AI ต่อไปถ้าแบรนด์ต้องการโฆษณาอะไรสักอย่างบนแพลตฟอร์มของ Meta ก็เพียงแค่
- ให้ข้อมูล AI ไปว่า “ภาพสินค้า” (product image) คืออะไร และจะใช้ “เงิน” (budget) เท่าไหร่
- หลังจากนั้นระบบ AI ของ Meta จะสร้างโฆษณาขึ้นมาแบบครบชุด ทั้งรูปภาพ วิดีโอ ข้อความ รวมถึงจะทำการเจาะกลุ่มเป้าหมาย และเสนอแนะแนวทางกระจายเงินที่ใช้ให้แบบอัตโนมัติทั้งใน Facebook และ Instagram
มากกว่านั้น ในรายงานยังระบุว่า โฆษณาที่ AI ทำขึ้นจะมีการปรับแต่ง (personalize) ให้แตกต่างกันไปสำหรับผู้ใช้งานแต่ละคน และที่สำคัญจะเป็นแบบเรียลไทม์ด้วย หรือพูดง่ายๆ คือ โฆษณาตัวเดียวกัน แต่ผู้ใช้งานอาจจะเห็นคอนเทนต์ไม่เหมือนกัน เพราะ AI จะแสดงคอนเทนต์ตามปัจจัยต่างๆ แตกต่างกันออกไปของแต่ละคน เช่น หากอยู่คนละสถานที่ (geolocation) แม้จะเป็นคอนเทนต์เดียวกัน AI ก็อาจจะแสดงโฆษณาที่ไม่เหมือนกันในเวลาเดียวกัน
เรียกได้ว่า วงการโฆษณากำลังเข้าสู่ยุคที่ไม่ต้องพึ่งพามนุษย์แอดมินอีกต่อไปแล้ว หรือพูดให้ถึงที่สุดคือ ถ้ายังต้องพึ่งพาคน ก็จะน้อยมากๆ เพราะ Meta ต้องการให้ AI เข้ามาทำแทนคนได้แบบครบวงจร
แผนทั้งหมดนี้เป็นไปตามวิสัยทัศน์ของ Mark Zuckerberg ที่เคยบอกไว้ว่า เป้าหมายที่ Meta ต้องการเป็นคือ “AI one-stop shop” หรือศูนย์กลางบริการด้าน AI ที่ครบจบในที่เดียว พร้อมทั้งมีเครื่องมือที่สามารถสร้างผลลัพธ์ที่ชัดเจนและขยายผลได้ (measurable results at scale) ให้กับคนทำธุรกิจ
ก่อนหน้านี้ Alex Schultz ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดและรองประธานฝ่ายวิเคราะห์ข้อมูลของ Meta เคยบอกไว้ว่า
- “เรายังเชื่อมั่นในอนาคตของเอเจนซี่” การที่ Meta เดินหน้าแบบนี้ไม่ได้หมายความว่าวงการเอเจนซี่จะล่มสลายแล้ว เพียงแต่ว่าเครื่องมือ AI ของ Meta จะทำให้นักโฆษณาและเอเจนซี่มีเวลาไปทำอย่างอื่นมากขึ้น เพราะมี “ระบบอัตโนมัติ” เข้ามาช่วยงาน
- และที่มากไปกว่านั้น Schultz เชื่อว่า จุดที่สำคัญคือ เครื่องมือ AI ของ Meta จะทำให้เกิด “ความเท่าเทียม” มากขึ้น โดยเฉพาะกับธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางที่ไม่มีกำลังคน ทรัพยากร หรือเวลา มากพอ เมื่อเทียบกับธุรกิจขนาดใหญ่
- การมี AI นี้เองที่จะทำให้เกิดการแข่งขันที่เท่าเทียมมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม หลังแผนนี้ของ Meta ประกาศออกไปไม่นาน หุ้นของบริษัทโฆษณารายใหญ่ของโลกอย่าง WPP ร่วงลง 3% ในช่วงเปิดตลาด รวมถึงหุ้นของบริษัทโฆษณารายใหญ่จากฝรั่งเศส Publicis Groupe และ Havas ก็ปรับตัวลดลง 3.9% และ 3%
ที่มา – The Wall Street Journal, Blognone (1), (2), Reuters, The Guardian
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา