เรียกว่าเป็นอีกความเคลื่อนไหวสำคัญของ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น หรือ ทรู หลังจาก ซิกเว่ เบรกเก้ เข้ามาดำรงตำแหน่งประธานคณะผู้บริหารกลุ่ม เพราะการมาถึงของเขาสะท้อนถึงทิศทาง และยุทธศาสตร์ของบริษัทที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะการพร้อมนำองค์กรมุ่งสู่ Tech Company เต็มรูปแบบ ไม่ได้เป็นแค่ผู้ให้บริการโทรคมนาคมอีกต่อไป อีกทั้งประสบการณ์ที่มีในไทย และระดับโลก ก็น่าจะทำให้เกิดความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ของค่ายมือถือเบอร์ 1 (เมื่อนับจำนวนเลขหมาย) อย่างแน่นอน
วันที่ 13 พ.ค. 2568 ถือเป็นครั้งแรกที่ ซิกเว่ ออกมาพบกับสื่อไทยหลังจากเข้ารับตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงของเครือเจริญโภคภัณฑ์ และทรู รวมถึงหลังจากทาวน์ฮอลล์กับพนักงานภายในองค์กรไปก่อนแล้ว โดยภายในงาน ซิกเว่เริ่มต้นด้วยการถ่ายทอดประสบการณ์อันยาวนานในการบริหารงาน Telenor หนึ่งในผู้ให้บริการโทรคมนาคมชั้นนำของยุโรป และเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของอุตสาหกรรมนี้ที่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่บริการสื่อสารอีกต่อไป เพราะได้ผสานรวมกับเทคโนโลยีต่าง ๆ และส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมในวงกว้าง
หากให้เห็นภาพว่าเทคโนโลยีเข้ามากระทบกับอุตสาหกรรมโทรคมนาคมอย่างไร ซิกเว่ ถึงกับให้คำนิยามว่า Destructive หรือการทำลายอุตสาหกรรมนี้เลยทีเดียว นอกจากนี้เทคโนโลยียังส่งผลกระทบต่อภาครัฐ และภาคเอกชน ดังนั้นการกลับมาประเทศไทยอีกครั้งเพื่อพาองค์กรทรูไปสู่ Tech Company จึงเป็นเรื่องที่จำเป็น และท้าทาย ดังนั้นอย่ารอช้า ลองมาฟังวิสัยทัศน์ของ ซิกเว่ เบรกเก้ ในฐานะ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่ม บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น ไปด้วยกันดังนี้
สองปีหลังควบรวม: จากกลยุทธ์สู่การเติบโต
ซิกเว่ เบรกเก้ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่ม บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น เล่าให้ฟังว่า หลังจากการควบรวมกิจการระหว่างทรู และดีแทค ซึ่งครบรอบ 2 ปี การตัดสินใจควบรวมในครั้งนั้นมีเป้าหมายเพื่อสร้างบริษัทที่แข็งแกร่งพอที่จะเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคดิจิทัลของประเทศไทย ซึ่งมีศักยภาพในการเป็นผู้นำด้านดิจิทัลในภูมิภาคนี้ การควบรวมยังเป็นการเตรียมความพร้อมให้ทั้งทรูและดีแทคสามารถเปลี่ยนผ่านจากบริษัทโทรคมนาคมไปสู่บริษัทเทคโนโลยีได้อย่างแข็งแกร่ง
ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทีมบริหารของทรูได้ทำงานอย่างหนักในการรวมโครงข่าย (Network Integration) ระบบการจัดจำหน่าย (Distribution System) และองค์กร (Organization) เข้าด้วยกัน ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้นั้นสร้างความประหลาดใจให้กับหลายฝ่าย รวมถึงผู้ถือหุ้น อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น และเป้าหมายต่อไปคือการเปลี่ยนผ่านจากกลยุทธ์ไปสู่การเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน เพราะยังมีหลายงานที่ต้องปรับปรุง ทั้งคุณภคุณภาพของเครือข่าย ประสบการณ์ของลูกค้า และการดำเนินงานโดยรวม
สามเสาหลักสู่ความสำเร็จ: ลูกค้า เทคโนโลยี และบุคลากร
ซิกเว่ กล่าวต่อว่า สามเสาหลักที่จะเป็น Priority หลักในการดำเนินงานของทรู คอร์ปอเรชั่น และทีมบริหารในอนาคต ได้แก่ ลูกค้า (Customers) เทคโนโลยี (Technology) และ บุคลากร (Team) ซึ่งทั้งหมดมีรายละเอียดดังนี้
ลูกค้าคือหัวใจ: ทุกสิ่งทุกอย่างต้องเริ่มต้นและจบลงที่ลูกค้า สิ่งแรกที่ต้องสร้างคือ Trusted Brand หรือแบรนด์ที่ลูกค้าไว้วางใจ ซึ่งหมายถึงแบรนด์ที่ไม่หลอกลวง เคารพลูกค้า เข้าใจความต้องการ และส่งมอบบริการที่ตรงจุด รวมถึงเป็นแบรนด์ที่สร้างแรงบันดาลใจ และมี Engagement กับลูกค้าอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นสิ่งที่ทรูยังต้องพัฒนาต่อไป
สิ่งที่สองคือ Customer Experience หรือประสบการณ์ของลูกค้า ที่ไม่ได้หมายถึงการแข่งขันกับคู่แข่งในตลาดโทรคมนาคมเท่านั้น แต่เป็นการยกระดับมาตรฐานให้เทียบเท่ากับบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก เช่น Google, YouTube และ Apple ที่ได้นิยามความหมายของ Customer Experience ไปแล้ว ทรูจำเป็นต้องเรียนรู้และปรับปรุงในจุดนี้อย่างมาก
ประการที่สามคือ Network หรือเครือข่าย ซึ่งในอดีตอาจเป็นปัจจัยที่สร้างความแตกต่าง แต่ในอนาคต เครือข่ายจะเป็นเพียง Hygiene Factor หรือปัจจัยพื้นฐานที่ต้องมี ทรูจำเป็นต้องพัฒนาเครือข่ายให้มีคุณภาพ และเสถียรภาพอย่างต่อเนื่อง
สุดท้ายคือ Business Growth หรือการเติบโตทางธุรกิจ ซึ่งนอกจากการเติบโตในธุรกิจโทรคมนาคมและอินเทอร์เน็ตแบบดั้งเดิมแล้ว ทรูยังต้องมองหาโอกาสในการเติบโตในธุรกิจใหม่ ๆ เช่น บริการและผลิตภัณฑ์ดิจิทัลที่ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า
เทคโนโลยีขับเคลื่อนอนาคต: ในส่วนของเทคโนโลยี ซิกเว่ได้กล่าวถึงศักยภาพของ AI และเทคโนโลยีใหม่ ๆ ในการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานภายในองค์กร และที่สำคัญกว่านั้นคือการนำ AI มาใช้เพื่อลูกค้าในสามด้านหลัก ได้แก่
- AI for all Thais : บริษัทมุ่งเสริมสร้างความตระหนักรู้ (Awareness) แก่ภาคธุรกิจและประชาชนถึงศักยภาพอันทรงพลังของปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อกระตุ้นให้เกิดความต้องการใช้งานจริงในวงกว้าง (User & Business Demand) ซึ่งความต้องการที่เพิ่มขึ้นนี้จะเป็นแรงขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนาโซลูชัน แพลตฟอร์ม และบริการด้าน AI ภายในประเทศอย่างเป็นรูปธรรม
- AI-powered personalized digital service: ทรู คอร์ปอเรชั่น กำลังเร่งพัฒนาการนำเสนอบริการและผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้าตรงใจ โดยสามารถคาดการณ์ตอบสนองลูกค้าได้ล่วงหน้าถึงความต้องการที่โดนใจ และนำเสนอให้ลูกค้ามากกว่าสิ่งที่ลูกค้าคาดหวังและพึงพอใจ
- Supporting Smarter Cities and communities with connectivity, IoT, and security : ทรู คอร์ปอเรชั่น พร้อมสนับสนุนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะผ่านเทคโนโลยี IoT และระบบความปลอดภัยที่ทันสมัย
บุคลากรคือทรัพย์สินที่มีค่า: ซิกเว่ ย้ำว่า บริษัทที่ประสบความสำเร็จในอนาคตคือบริษัทที่พนักงานต้องการทำงานด้วยและสามารถเติบโตในสายอาชีพได้ ซึ่งจะเกิดขึ้นได้จากการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ให้ความสำคัญกับลูกค้า (Customer Obsessed) สร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้นำและพนักงาน (Confirmational Relationship) และให้ความสำคัญกับการสร้างพันธมิตร (Partnership) ทั้งกับบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกและบริษัทในท้องถิ่น เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ และเติบโตไปด้วยกัน
ความคืบหน้าด้านเครือข่าย: ก้าวสำคัญสู่ Single Grid Network
ซิกเว่ยังได้กล่าวถึงความคืบหน้าในการรวมเครือข่ายในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งมีการพัฒนาไปอย่างมาก แม้ว่าจะยังไม่ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ แต่ตัวชี้วัดต่าง ๆ เช่น การครอบคลุมของ 5G ที่เพิ่มขึ้น ความเร็วในการดาวน์โหลดที่สูงขึ้น และความหนาแน่นของเครือข่ายที่ลดลง แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการในทิศทางที่ดี
“เป้าหมายสำคัญคือการสร้าง “Single Grid Network” หรือเครือข่ายเดียวที่ผสานรวมเทคโนโลยีและทรัพยากรของทั้งทรูและดีแทคเข้าด้วยกัน โดยใช้เทคโนโลยีล่าสุด ซึ่งโครงการนำร่องแรกที่แล้วเสร็จคือที่จังหวัดภูเก็ต และมีแผนที่จะขยายไปยังจังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศภายในเดือนกันยายนปีนี้ ซึ่งจะส่งผลให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์การใช้งานเครือข่ายที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งในด้านความครอบคลุมและความเร็ว”
การพลิกฟื้นธุรกิจให้กลับมาเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
ซิกเว่ เสริมว่า ผลประกอบการในไตรมาสแรกที่พลิกกลับมามีกำไรสุทธิเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีมาจากความตั้งใจในการดำเนินธุรกิจ แม้การแข่งขันในตลาดโทรคมนาคมปัจจุบันมีความท้าทายมากขึ้น เพราะไม่ได้มีเพียงคู่แข่งโดยตรงเท่านั้น แต่ยังมีบริษัทแพลตฟอร์มระดับโลกเข้ามาแข่งขันด้วย ดังนั้น ทรูจึงต้องมุ่งเน้นไปที่การสร้างความแตกต่างด้วยบริการและผลิตภัณฑ์ที่สร้างสรรค์บนพื้นฐานของเครือข่ายที่มีคุณภาพ พร้อมย้ำว่า “ทรูจะเน้นการสร้างพันธมิตรกับบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก เพื่อเข้าถึงเทคโนโลยีและโมเดล AI ที่ทันสมัย และนำมาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับบริบทของประเทศไทย”
ซิกเว่ทิ้งท้ายว่า ในช่วง 100 วันหลังจากนี้ต้องการที่จะเห็นการเติบโตของกำไรสุทธิอย่างต่อเนื่อง การเติบโตของรายได้ การพัฒนาคุณภาพเครือข่าย และการยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นและนำพาทรู คอร์ปอเรชั่น ไปสู่การเป็น Tech Company ที่ประสบความสำเร็จในอนาคต
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา