ฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ของ ThaiBev หรือ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ที่หลายคนอาจจะคุ้นจากเบียร์ช้าง ชาเขียวพร้อมดื่มโออิชิ น้ำดื่มคริสตัล และเครื่องดื่ม เอสโคล่า รวมถึงผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มอีกหลากหลายชนิดในตลาดทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ ได้พูดถึงกลยุทธ์ของ ThaiBev ซึ่งอยู่ในแผน 6 ปี เพื่อก้าวขึ้นสู่การเป็น Total Beverage Company ระดับโลก ในงานสัมมนา “เจ้าสัว Gen X เปิดมุมคิด พิชิตเศรษฐกิจปี 59” โดยหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
ฐาปน ทายาทของเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ได้บรรยายถึงแผน 6 ปี หรือ Vision 2020 ของ ThaiBev ซึ่งแบ่งออกเป็นช่วง 3 ปีแรก และ 3 ปีท้าย เริ่มตั้งแต่ปี 2014 – 2020 โดยใน 3 ปีแรกจะเป็นช่วงเวลาของการสร้างฐานและขยายธุรกิจ ซึ่งที่ผ่านมา ThaiBev ได้เข้าซื้อกิจการบริษัทต่างๆ เช่น F&N ถือเป็นการเตรียมความพร้อม และแผน 3 ปีหลัง จะเป็นการยกระดับธุรกิจเพื่อก้าวตามความฝันคือ การเป็น Total Beverage Company
ThaiBev ขยายธุรกิจมาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คือ เบียร์ช้าง แต่ในอนาคต ฐาปน บอกว่า ฐานรายได้สำคัญจะมาจากธุรกิจ นัน-แอลกอฮอล์เป็นหลัก ซึ่งปัจจุบันรายได้ 50% มาจากนัน-แอลกอฮอล์แล้ว ยิ่งแนวโน้มของผู้บริโภคที่สนใจเรื่องสุขภาพมากขึ้น แม้แต่น้ำดื่มธรรมดา ก็มีการเลือกบริโภค เช่น คนอายุน้อยเลือกน้ำดื่มแบบหนึ่ง ผู้สูงอายุเลือกน้ำดื่มอีกแบบที่เหมาะกับอายุ
จากแนวคิดและการสำรวจ พบว่า เกือบ 50% ตลาดเครื่องดื่มเกิดขึ้นในภูมิภาคเอเชีย 42.8% ของตลาดเบียร์ทั้งโลกอยู่ที่ เอเชียแปซิฟิก และ เอเชียแปซิฟิกยังเป็นภูมิภาคที่ตลาดซอฟต์ดริงค์ เติบโต 39% ดังนั้น ThaiBev จึงเดินหน้ากลยุทธ์ตามแผน 6 ปี เพื่อจับตลาดภูมิภาคเอเชียไว้ โดยแบ่งเป็น 5 กลยุทธ์ดังนี้
1 เป็นบริษัทที่เติบโตและมีกำไรสูงที่สุดในอาเซียน – ThaiBev มีพนักงาน 40,000 คน ต้องมีความรับผิดชอบต่อพนักงานทุกคน ดังนั้นต้องมีการวางแผนธุรกิจเพื่อรักษาการเติบโตของรายได้และผลกำไรสูงที่สุดในอาเซียน โดยอาศัยการสร้างสรรค์นวัตกรรมของสินค้าใหม่ๆ ที่คิดค้นมาจากความต้องการของผู้บริโภคอย่างแท้จริง
2 มีสินค้าที่มีความหลากหลาย – สินค้าหลักของ ThaiBev คือ สุรา, เบียร์, เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์, อาหาร และสินค้าไลฟ์สไตล์ ซึ่ง 3 ส่วนแรกยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำรายได้หลัก แต่ต่อไปจะเน้นเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์มากขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับขยายธุรกิจอาหารและสินค้าไลฟ์สไตล์ ซึ่งต้องเจาะผู้บริโภคทั้ง อายุ เพศ ในแต่ละประเทศ เป็นกลยุทธ์ที่จะสร้างรายได้และการเติบโตให้มากขึ้น
3 เป็นผู้นำแบรนด์ในทุกผลิตภัณฑ์ – เป้าหมายชัดเจนคือ เบียร์ช้าง ต้องขึ้นเป็นอันดับ 1 ในประเทศไทย ส่วนเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ต้องติด ท็อป3 ในทุกผลิตภัณฑ์ในอนาคต ซึ่งส่วนสำคัญคือ การสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รับรู้และยอมรับในคุณภาพจากผู้บริโภค รวมถึงต้องมีการขายผลิตภัณฑ์ข้ามประเทศ เช่น ส่งโออิชิไปขายมาเลเซียและสิงคโปร์ และนำ 100พลัส มาขายในประเทศไทย ซึ่งได้เริ่มต้นไปแล้ว
4 การเข้าถึงผู้บริโภค – จุดแข็งอย่างหนึ่งของ ThaiBev คือ การกระจายสินค้า ที่สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างครอบคลุมทั่วถึง และความเข้าใจผู้บริโภคในแต่ละท้องถิ่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งเกิดจากบริษัทในเครือทั้งหมด และความร่วมมือกับพันธมิตร เป็นข้อได้เปรียบสำคัญที่ทำให้ ThaiBev สามารถครองตลาดส่วนใหญ่ไว้ได้ และยากที่คู่แข่งจากภายนอกจะเข้ามาทำตลาด
5 บริหารงานอย่างมืออาชีพ – เพื่อขยายธุรกิจและรักษาตลาดให้ได้อย่างยั่งยืน ThaiBev มีการปรับโครงสร้างการทำงานและบริหารงานแบบมืออาชีพมาโดยตลอด สะท้อนออกมาชัดเจนจากผลประกอบการและผลกำไรที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ
สุดท้าย จากกลยุทธ์ทั้ง 5 แล้ว ฐาปน บอกว่า แนวคิดที่ส่งต่อมาจากผู้ใหญ่ที่ใช้ในการบริหารธุรกิจเครื่องดื่มให้ได้ผล คือ “โฆษณาต้องถึงใจ และต้องขายให้ถึงตัว” หมายความว่า การสื่อสารไปผู้บริโภคต้องโดนใจไม่ใช่แค่สร้างการรับรู้ และผลิตภัณฑ์นั้นต้องสามารถหาได้ทั่วถึง และนั่นจะนำไปสู่ความสำเร็จ
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา