ไฮเนเก้นสร้างสีสันตลาดเบียร์ส่งท้ายปี ไม่หยุดแค่ลานเบียร์ แต่จับมือกับ Greyhound อัพเกรดเป็นบริการจัดปาร์ตี้แบบส่งตรงถึงบ้าน ได้ทั้งอาหาร เบียร์สด พร็อพปาร์ตี้แบบเก๋ๆ
ทำลานเบียร์ให้อินเตอร์แอคทีฟ
ช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปีขึ้นชื่อว่าเป็นช่วงแห่งการเฉลิมฉลองอยู่แล้ว เพราะเป็นช่วงเทศกาลปีใหม่ หนึ่งในไฮไลท์ของช่วงนี้ก็คือ “ลานเบียร์” มีแลนด์มาร์กใหญ่อยู่ที่เซ็นทรัลเวิลด์ ลานสำคัญๆ ก็มีค่ายใหญ่ๆ อย่าง ช้าง สิงห์ และไฮเนเก้น
ปีนี้ไฮเนเก้นได้วางยุทธศาสตร์ช่วงโค้งสุดท้ายของปี ภายใต้แคมเปญ Heineken Open your Celebration 2017 เพื่อรับกับช่วงเทศกาลไฮซีซั่น มีไฮไลท์อยู่ที่ 2 โปรเจ็คต์ใหญ่ก็คือ ลานเบียร์ ซึ่งจัดมาเป็นประจำทุกปีอยู่แล้ว แต่ปีนี้มาในคอนเซ็ปต์ Behind the Star Experience (Multisensorial Exhibition) จัดขึ้นที่ลานหน้าเซ็นทรัลเวิลด์ที่เดียว เป็นลานเบียร์แบบอินเตอร์แอคทีฟ มีการสื่อสารถึงเรื่องแบรนด์ด้วย
จริงๆ แคมเปญนี้ไฮเนเก้นเคยจัดมาแล้วช่วงต้นปีที่ลานหน้าสยามดิสคัฟเวอรี่ แล้วได้รับผลตอบรับดี จึงนำกลับมาใหม่ในช่วงปลายปี เป็นการสร้างประสบการณ์แก่ผู้บริโภคมากขึ้นด้วย
ภัททภาณี เอกะหิตานนท์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ผลิตภัณฑ์ไฮเนเก้น และสตรองโบว์ ในกลุ่มบริษัททีเอพี เล่าให้ฟังว่า
“เซ็นทรัลเวิลด์ยังคงเป็นแลนด์มาร์กสำหรับลานเบียร์อยู่ แต่ในปีนี้ต้องการทำให้แตกต่างจากลานเบียร์ที่เคยเห็นเหมือนๆ เดิมมาเป็น 10 ปี ต้องทำให้สนุก มีการสื่อสารแบรนด์มากขึ้น มีการสร้างประสบการณ์แก่ผู้บริโภค ไม่ใช่แค่การมาดื่มเบียร์ ฟังเพลงแค่อย่างเดียวอีกต่อไป”
ยุคนี้ต้องจัดปาร์ตี้ส่งถึงบ้าน
อีกหนึ่งไฮไลท์ของปีนี้ของไฮเนเก้นคือ Star Delivery Service เป็นบริการที่ร่วมจับมือกับ Greyhound ในการเสิร์ฟปาร์ตี้ถึงบ้านผู้บริโภค มีทั้งเบียร์สดจากไฮเนเก้น อาหารจากเกรฮาวด์ คาเฟ่ และพร็อพตกแต่งปาร์ตี้
“บริการนี้เป็นโลคอล แคมเปญที่คิดค้นในประเทศไทยโดยเฉพาะ เพราะมองเห็นถึงเทรนด์การเติบโตของ Food Delivery ในไทยธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มเติบโตอย่างต่อเนื่อง เรามองเห็นว่ายังมีช่องว่างในการนำเบียร์สดเข้าไปเติม Moment ได้อีก การปาร์ตี้อยู่บ้านแบบส่วนตัว ทำให้เพิ่มโอกาสในการดื่มได้อีก คนยุคนี้ต้องการความสะดวก รวดเร็วอยู่แล้ว ถึงแม้จะจ่ายแพงนิดหน่อย”
ส่วนทาง Greyhound เองต้องการขยายตลาดให้คนรู้จักมากขึ้น อาศัยความเป็นโกลบอล แบรนด์ของไฮเนเก้นช่วยในการขยายฐานลูกค้า
Star Delivery Service มี 3 แพ็คเกจด้วยกัน เริ่มต้นที่ไซส์ M ราคา 6,500 บาท สำหรับ 8-10 คน ไซส์ L ราคา 8,900 บาท สำหรับ 10-12 คน และไซส์ XL ราคา 10,500 บาท สำหรับ 15 คนขึ้นไป จะแตกต่างที่ปริมาณของเบียร์ และจำนวนอาหาร เมื่อเฉลี่ยราคาต่อหัวแล้ว ตกแค่คนละ 500-600 บาท
สำหรับบริการนี้มีการตั้งเป้ามีออเดอร์เฉลี่ยวันละ 30-50 ออเดอร์ และมีคนคลิ๊กดูข้อมูล 100,000 คน
คาดตลาดเบียร์โต 6%
ภาพรวมตลาดเบียร์ในปัจจุบันมีมูลค่ากว่า 100,700 ล้านบาท แบ่งเป็น 3 เซ็กเมนต์ ได้แก่ พรีเมี่ยม เมนสตรีม และเซฟวิ่ง ตลาดเมนสตรีมเป็นตลาดใหญ่ที่สุดคิดเป็นสัดส่วน 94% ของตลาด ตลาดพรีเมี่ยมสัดส่วน 5% มีไฮเนเก้นครองตลาด และตลาดเซฟวิ่งสัดส่วน 1% เท่านั้น กลุ่มนี้มีอาชาครองอยู่
ลีโอยังครองส่วนแบ่งตลาดเบอร์หนึ่งในตลาดอยู่ในสัดส่วน 52% ช้าง 35% สิงห์ 6% ไฮเนเก้น 3% และอื่นๆ 4%
ช่องทางการขายยังเป็น Traditional Trade เป็นหลัก 70% รองลงมาเป็น Modern Trade 20% และร้านอาหาร/ผับ 10%
สัดส่วนแพ็คเกจจิ้งในตลาด ขวดใหญ่ 60% ขวดเล็ก/กระป๋อง 30% และเบียร์สด 10%
สรุป
ช่วงปลายปีหรือช่วงไตรมาส 4 เป็นไฮซีซั่นของตลาดเบียร์ สามารถสร้างรายได้ถึง 30% ของทั้งปี จึงเป็นช่วงที่ได้เป็นแต่ละแบรนด์ปล่อยของใหม่ๆ ออกมา ซึ่งไฮเนเก้นมองโจทย์ว่าต้องการสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้แก่ผู้บริโภค นอกจากการสร้างลานเบียร์แบบเดิมๆ ต้องให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วม และดูว้าวมากขึ้น ถือว่าเป็นการหลุดจากกรอบเดิมๆ ในการทำตลาด
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา