Tradeflix แอพฯ เล่นหุ้น ไม่เสียค่าคอม จากสตาร์ทอัพฮ่องกง กำลังมาแรงในเอเชีย

ถือเป็นสตาร์ทอัพเทรดหุ้นรายแรกของเอเชียที่ทำ “แอพฯ เทรดหุ้น ไม่เสียค่าคอมมิชชั่น” ก่อนหน้านี้ 8 Securities เคยส่ง Robo-Advisor ที่เป็น AI มาช่วยลงทุนและจัดพอร์ต ล่าสุดเป็นอีกก้าวของการเล่นหุ้นในเอเชีย

Photo: 8securities

แอพฯ เล่นหุ้น ไม่เสียค่าคอม รายแรกของเอเชีย

8 Securities สตาร์ทอัพที่มีฐานอยู่ในฮ่องกงของ Mikaal Abdulla เพิ่งตัดสินใจส่งแอพฯ Tradeflix เทรดหุ้นไม่เสียค่าคอมมิชชั่น ตอนนี้กำลังมาแรงในเอเชีย เพราะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเล่นหุ้นที่ใช้เวลากับสมาร์ทโฟนมากกว่าคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะหรือพกพา

“นี่เป็นอีกก้าวของเรานี่สำคัญมาก เพราะเป็นครั้งแรกที่สำเร็จในเอเชีย ตรรกะของมันก็ง่ายมากๆ คือการเทรดหุ้นจะมีต้นทุนที่ไม่สูง”

ที่จริงแล้ว สตาร์ทอัพเอเชียรายนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Robinhood ที่เป็นสตาร์ทอัพเทรดหุ้นไม่เสียค่าคอมฯ ในสหรัฐอเมริกา ซีอีโอของ 8 Securities ยอมรับว่า “เราจับตาดูสิ่งที่พวกเขาทำในอเมริกา การเติบโตของของเขาทำให้เราได้รับแรงบันดาลใจอย่างมาก [ตอนนี้มีมูลค่ากว่า 1.3 พันล้าน] แน่นอนว่าเราก็ทำตามพวกเขานั่นเอง”

สำหรับ 8 Securities ตอนนี้มีลูกค้าอยู่ 60,000 คน อายุเฉลี่ยอยู่ที่ 30 ปี แน่นอนอยู่แล้วว่า คนรุ่นใหม่ๆ สนใจที่จะใช้แอพฯ เทรดหุ้นมากขึ้น ไม่ได้ทำผ่านเว็บไซต์เดสก์ท็อปแบบเดิมๆ เท่าไหร่แล้ว นอกจากนั้นสตาร์ทอัพรายนี้ยังมี AI ที่ใช้วิเคราะห์และจัดพอร์ตให้ลูกค้าผ่านแอพฯ ที่ชื่อว่า Chloe อีกด้วย

Photo: 8securities

ความท้าทายต่อวงการธนาคารและโบรกเกอร์

การเกิดขึ้นของสตาร์ทอัพเทรดหุ้นเป็นการเข้ามาเล่นในวงการ Fintech ที่จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อธนาคารและเหล่าบรรดาโบรกเกอร์ เพราะแพลตฟอร์มใหม่ได้ลดช่องว่างของการเข้าถึงข้อมูลของผู้เล่นหุ้น จึงทำให้ “ค่าคอมมิชชั่น” หายไป (แต่เงินกระจัดกระจายไปอยู่ที่อื่นแทน เช่น ผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม)

เอาแค่ในฮ่องกงมีเงินหมุนเวียนในส่วนค่าธรรมเนียม (ธนาคาร) และค่าคอมมิชชั่น (โบรกเกอร์) ตกแล้วประมาณปีละ 1 พันล้านเหรียญ “แต่แอพฯ เทรดหุ้นออนไลน์ [ไม่เสียค่าคอม] จะทำให้เงินเหล่านั้นหายไปเลย” Mathias Helleu ผู้ร่วมก่อตั้ง 8 Securities ระบุไว้

8 Securities เปิดตัวในปี 2012 นับจนถึงตอนนี้ผ่านไป 5 ปีมีเงินที่ถูกเทรดผ่านแพลตฟอร์มทั้งหมดประมาณ 3.5 พันล้านเหรียญ นอกจากนั้นก็คาดการณ์ไว้ว่า จะทำเงินให้ได้ถึง 2 พันล้านเหรียญ ภายในระยะเวลาเพียง 12 เดือนข้างหน้านี้

Photo: 8securities

ที่มา – techinasia

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา