เอา IoT ใส่รถยนต์ สั่งงานด้วยเสียงภาษาไทย จะทำให้ MG เป็นแบรนด์ในใจได้หรือไม่?

แบรนด์รถยนต์ MG ทำตลาดในไทยมาแล้ว 4 ปี แต่ด้วยความที่ไม่ใช่แบรนด์ลำดับต้นๆ การเล่นในตลาดจึงต้องแพรวพราว ล่าสุดจะส่ง i-smart ที่เป็นระบบ IoT ในรถยนต์ สั่งงานด้วยเสียงเป็นภาษาไทยได้

ตู้ทดลอง i-smart ที่ออกแบบมาให้เสมือนอยู่ในรถยนต์ของ MG มีโหมดสั่งการด้วยเสียงที่เป็นจุดขาย

พฤศจิกายนนี้พบ i-smart ในรถยนต์รุ่นต่อไป ไทยคือประเทศที่ 2 ต่อจากจีน

หลังจากที่ลุยตลาดในประเทศไทยมา 4 ปี วันนี้ MG ในนามของ บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์ เอ็มจีในประเทศไทย ประกาศนำเอาระบบอัจฉริยะ IoT ที่เชื่อมรถยนต์กับระบบอินเทอร์เน็ตโดยใช้ชื่อว่า i-smart เรียกง่ายๆ ก็คือเป็นระบบที่นำเอาเทคโนโลยีมาใช้ในรถยนต์

จุดเด่นก็คือ การสั่งงานด้วยเสียงเป็นภาษาไทยได้ โดย MG บอกว่าเป็นครั้งแรกของโลกที่รถยนต์สามารถสั่งงานด้วยเสียงในภาษาไทย ปกติเราจะเห็นการใช้ภาษาอังกฤษในการสั่งงานมาโดยตลอด ส่วนตัว MG บอกเลยว่า ระบบ i-smart ที่จะส่งเข้าในไทยนั้น ถือเป็นประเทศที่ 2 ที่นำระบบนี้เขามาใช้ในรถยนต์ รองมาจากจีนที่ได้เปิดตัวไปเป็นที่แรก

สำหรับการใช้งานจริงในรถยนต์ของ MG ต้องรอในเดือนพฤศจิกายนนี้ เพราะ MG จะเปิดตัวรถรุ่นใหม่ และแน่นอนจะใช้ i-smart ในรถรุ่นนี้เป็นรุ่นแรก ส่วนแผนการขยายไปยังรถทุกรุ่นของบริษัทนั้น ยังคงเป็นแค่แผน ยังไม่คิดว่าจะมีการทำจริง แต่ก็ได้เปรยไว้ว่าอยากปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้เป็นผู้นำในวงการ Smart Car ก็น่าติดตามว่าจะทำได้หรือไม่

ข้อจำกัดของการสั่งงานด้วยเสียงในภาษาไทย

ดูจากวันทดลองผลิตภัณฑ์วันนี้แล้ว ยังพบว่ามีข้อจำกัดหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นคำสั่งงานที่ใช้ได้มีจำกัด หรือเสียงแทรกจากสภาพแวดล้อมก็ส่งผลโดยตรงต่อตัวระบบสั่งงาน

จากการทดลองใช้งานเบื้องต้น พบว่า ระบบ i-smart ที่ MG เอามาใช่ในรถคันนี้ ในส่วนของการสั่งงานด้วยเสียง ยังทำได้เพียงการสั่งให้เปิด-ปิดแอร์ เปิด-ปิดหลังคารถ การค้นหาเส้นทางหรือร้านอาหารใกล้เคียงจากแผนที่ แต่ข้อจำกัดที่ว่าคือ ยังไม่สามารถรองรับประโยคที่มีความซับซ้อนได้ การทำงานยังรองรับคำสั่งการที่ตั้งค่าไว้แล้วจะทำงานได้ดีที่สุด เช่น ร้อนจัง ระบบจะรู้ว่าต้องปรับอุณหภูมิในรถ เป็นต้น

แต่มากกว่านั้น หลายคนอาจคิดไปถึงการสั่งให้ขับรถได้ด้วยตนเอง ต้องบอกว่า MG ยังไปไม่ถึงจุดนั้น แต่การสตาร์ทรถเบื้องต้นทำได้ แต่ต้องตั้งแอพพลิเคชั่นลงในสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต แล้วสั่งการผ่านอุปกรณ์เหล่านี้ ไม่สามารถใช้งานโดยตรงจากรถยนต์ได้ แต่ข้อดีก็คือ ไม่ว่าจะอยู่ไกลแค่ไหน ขอให้มีสัญญาณอินเทอร์เน็ตก็สามารถสั่งการได้ทุกที่ทุกเวลา

ซื้อของออนไลน์ในรถยนต์ผ่านระบบออนไลน์ ไม่ต้องไปที่ร้าน

จุดหนึ่งที่น่าสนใจของระบบ i-smart คือการซื้อของออนไลน์บนรถยนต์ได้ โดยที่ไม่ต้องหยิบสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตขึ้นมาใช้งาน ก็สามารถซื้อของผ่านอีคอมเมิร์ซได้ อันนี้ฟังดูในแง่ธุรกิจก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะ MG ในไทย ผู้จัดจำหน่ายร่วมทุนกับบริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ที่มี True ร่วมด้วยอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น การซื้อของผ่านออนไลน์ในรถยนต์ของ MG โมเดลธุรกิจจะออกมาในรูปแบบนี้ แต่ตัวแพลตฟอร์มยังไม่มีรายละเอียดออกมา คาดว่าน่าจะต้องเติมเงินใน True Money Wallet แต่ถ้าให้ดีต้องติดตามกันต่อไป

พงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด

ภาพรวมตลาดของ MG ในรอบ 4 ปีที่ผ่าน เป็นอย่างไรบ้าง?

ตลอดระยะเวลา 4 ปี ที่ MG เข้ามาในตลาดประเทศไทย พงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด บอกว่า “4 ปีที่ผ่าน MG มียอดขายในไทยกว่า 20,000 คัน แต่ถ้านับเฉพาะ 8 เดือนในปี 2017 นี้ มียอดขายทั้งหมดอยู่ที่ 7,465 คัน ส่วนในรอบ 9 เดือนคาดการณ์ไว้ที่ 8,500 คัน ปีนี้ถือว่ายอดขายดีมาก เพิ่มขึ้นมาถึง 40% ส่วนปัจจัยสำคัญที่ทำให้ MG โตต่อเนื่องคือเรื่องคุณภาพ และบริการหลังการขายของเราที่ทำทั่วประเทศ ครอบคลุมไม่แพ้ใคร”

สรุป

MG จะส่งระบบ i-smart ที่เป็น IoT สั่งงานด้วยเสียงภาษาได้มาลงในรถยนต์รุ่นต่อไปที่จะเปิดตัวในเดือนพฤศจิกายนนี้ แต่ต้องไม่ลืมว่า การแข่งขันในวงการรถยนต์ เรื่องแบรนด์ loyalty เป็นสิ่งสำคัญ การนำเอาเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใส่ในรถยนต์เป็นสิ่งที่จะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และประสบการณ์ของผู้บริโภคยุคใหม่อย่างแน่นอน

แม้ว่า MG จะเป็นรายแรกที่ออกตัวมาเลยว่าใช้ IoT ในรถยนต์ และมีไฮท์ไลท์คือการ “สั่งงานด้วยเสียงภาคภาษาไทยได้” แต่คำถามคือถ้า MG ทำได้ (เท่าที่ทดลองยังมีข้อจำกัดในหลายประการ) ถึงที่สุดแล้ว แบรนด์อื่นก็ทำได้เช่นกัน ไม่ว่าจะใส่ IoT หรือสั่งงานด้วยเสียง

สิ่งที่จะเป็นตัววัดกันในตลาดตอนนี้ ดูแล้วเห็นจะเป็นเรื่อง “ราคา” ถ้าสมมติว่า MG ปล่อยรถยนต์รุ่นที่ใส่ i-smart มาในราคาหลักล้านขึ้น อาจไม่ต้องคุยกัน แต่ถ้ามาอยู่ในรถยนต์หลักแสน อันนี้ก็น่าสนใจว่า จะเปลี่ยนใจผู้บริโภคให้หันมาสนใจได้มากน้อยแค่ไหน แต่ที่แน่ๆ คงจะได้เห็นการส่งผลิตภัณฑ์แนวนี้ของค่ายอื่นๆ ตามมาอย่างแน่นอน

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา