นโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาล คือการขับเคลื่อนประเทศด้วยดิจิทัล องค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนกำลังเร่งปรับเปลี่ยนภายใน และเพื่อให้ความรู้กับประชาชนทั่วไป ได้เข้าใจการพัฒนาประเทศไปสู่ความเป็นดิจิทัลมากขึ้น จึงเกิดงาน Digital Thailand Big Bang 2017
และหนึ่งในแนวทางสำคัญตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 คือ การพัฒนาประเทศไปสู่ความเป็น Smart City ซึ่งในงานนี้ทาง ZTE ได้นำเทคโนโลยีที่ติดตั้งและให้บริการในหลายเมืองทั่วโลกมานำเสนอ เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้เกิดขึ้น
เจาะลึกระบบ Smart City จาก 2.0 เข้าสู่ยุคใหม่ 3.0
Mr. Yu Xiaolei, CTO of ZTE Thailand กล่าวว่า เทคโนโลยีเมืองอัจฉริยะหรือ Smart City 2.0 คือระบบที่ ZTE ร่วมมือกับรัฐบาลต่างๆ เข้าไปพัฒนาในแต่ละเมือง โดยมีการใช้งาน Big Data มีการวางโครงสร้างพื้นฐาน และการเชื่อมโยงผ่านโครงข่ายตลอดทั้งเมือง
แต่ด้วยเทคโนโลยีใหม่ เช่น Internet of Things, AI หรือ Machine Learning ทำให้เทคโนโลยีกำลังก้าวเข้าสู่ Smart City 3.0 นั่นคือ บริการทุกอย่างจะเป็น Smart Service เช่น บริการสาธารณะ, บริการสุขภาพ, บริการการศึกษา, บริการความปลอดภัย สาระสำคัญคือ ทำให้คุณภาพชีวิตประชาชนดีขึ้น
เปิด Success Story Smart City เต็มรูปแบบ
ปัจจุบัน ZTE ได้รับความไว้วางใจให้เข้าไปร่วมมือกับรัฐบาลนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้าไปช่วยบริหารจัดการให้เกิด Smart City ในหลายเมืองทั่วโลก จนประสบความสำเร็จมีเมืองต้นแบบ ทั้งด้านสาธารณูปโภค ระบบเมือง การจัดการ พลังงาน และระบบขนส่ง เป็นต้น
หนึ่งในเมืองที่มีระบบ Smart City สมบูรณ์คือ Yinchuan ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของจีน โดยมีการวางระบบต่างๆ ดังนี้
- ระบบ Big Data Center เก็บข้อมูลเมืองและประชากรอย่างมีประสิทธิภาพ
- ระบบ Wi-Fi Network รองรับการสื่อสารทั่วทั้งเมือง
- ระบบ Smart Government รัฐบาลที่ให้บริการพื้นฐานที่ทันสมัย
- ระบบ All-in-One Smart Card บัตรใบเดียวใช้บริการต่างๆ ได้ทั้งเมือง
- ระบบ Smart Tourism บริการสำหรับนักท่องเที่ยวที่ทันสมัย
- ระบบ Enterprise Cloud เพื่อรองรับงานด้านธุรกิจ
- ระบบ Smart Community มีการสร้างชุมชนอัจฉริยะ ระบบสุขภาพ
- ระบบ Smart Transportation ระบบขนส่งมวลชนอัจฉริยะ
- ระบบ Smart Environment Protection ระบบอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
- ระบบ Safe City ระบบรักษาความปลอดภัยครบวงจร
ปัจจัยที่ทำให้ Yinchuan ประสบความสำเร็จในการวางระบบ Smart City ได้สมบูรณ์ คือ รัฐบาลมีนโยบายชัดเจนที่จะให้เป็นเมืองต้นแบบ และเดินหน้าอย่างจริงจัง ทั้งหมดไม่สามารถบรรลุได้ด้วยหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งเท่านั้น และผลที่เกิดขึ้นคือ คุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้น
Smart City โอกาสที่ประเทศไทยในการยกระดับคุณภาพประชากร
ZTE เข้ามาทำธุรกิจในไทยประมาณ 15 ปี มันพันธมิตรที่ยาวนาน เช่น AIS,True และ TOT และช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมีการทำงานร่วมกันในการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง เช่น 4G, DWDM, GPON ซึ่ง ZTE มองว่า ไทยเป็นเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการเติบโต และเชื่อว่าอนาคตจะมีการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เช่น 5G รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานด้านไอซีทีต่างๆ เพื่อรองรับการเปลี่ยนสู่ประเทศดิจิทัล
นโยบายของ ZTE ให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรม รวมถึงการร่วมมือกับผู้ประกอบการและรัฐบาล เพื่อกระตุ้นให้เกิด Digital Transformation พัฒนาไปสู่การสร้าง Smart City ซึ่งจากประสบการณ์ทั่วโลกของ ZTE พบว่านโยบายจากรัฐบาลมีความสำคัญอย่างมาก และ ZTE พร้อมที่จะร่วมมือกับรัฐบาลและองค์กรต่างๆ เพื่อผลักดันให้เกิด Smart City
เช่นเดียวกับที่ Yinchuan จุดเริ่มต้น จากการทำงานกับรัฐบาลเพื่อออกแบบและสร้าง Smart City ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีไอซีทีของ ZTE มีการเปิดใช้บูรณาการข้อมูลจากหน่วยงานต่างๆ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาบริการสาธารณะได้อย่างมีประสิทธิภาพ และด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างถูกต้อง นำไปสู่การให้บริการที่ดีขึ้น ทำให้ประชาชนได้รับบริการที่ดี โดย ประชาชนในเมือง Yinchuan ได้รับบริการสาธารณะที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ZTE มองว่า ประเทศไทยมีศักยภาพที่จะสร้างสรรค์ Smart City ให้เกิดขึ้น และ ZTE พร้อมให้ร่วมมือเพื่อพัฒนาระบบ Smart City ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ
สำหรับผู้ที่สนใจระบบ Smart City สามารถมาศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่บูท ZTE ที่งาน Digital Thailand Big Bang 2017 ที่อาคารชาเลนเจอร์ 1-2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี วันที่ 21 – 24 ก.ย. นี้
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา