ทำไม Gen Z ในอังกฤษ ว่างงานเยอะ แต่ก็ยังปฏิเสธงาน

ดูเหมือนว่าโลกนี้คงไม่ใจดีกับ Gen Z จริงๆ เพราะนอกจากจะเป็นสนามอารมณ์ของผู้ใหญ่แล้ว ล่าสุดยังต้องปฏิเสธงาน เพราะไม่มีเงินอีกด้วย

Gen Z

จากการวิจัยกลุ่มตัวอย่างวัย 16-25 ปี ในสหราชอาณาจักร พบว่า แม้ Gen Z หลายคนสามารถฝ่าฟันการสัมภาษณ์งานได้ แต่พวกเขาจำนวนหนึ่งจำเป็นต้องบอกลาข้อเสนอนั้นไป เพียงเพราะการเริ่มงานใหม่มีค่าใช้จ่ายสูง

นอกจากนี้ 10% ของ Gen Z ที่ว่างงานในสหราชอาณาจักรยอมรับว่า ค่าเครื่องแบบหรือค่าเสื้อผ้า รวมถึงค่าเดินทาง คือสาเหตุที่พวกเขาต้องปฏิเสธงานไป

นับเป็นประวัติการณ์ของสหราชอาณาจักร เพราะในปี 2024 ความมั่นใจที่คนรุ่นใหม่มีต่อการเงินในชีวิตลดลงต่ำที่สุดในรอบ 15 ปี โดย

  • กว่า 1 ใน 3 เผยว่าแค่นึกถึงเงิน พวกเขาก็เครียดแล้ว
  • เกินครึ่งกลัวว่าจะไม่มีวันมั่นคงทางการเงิน โดยเฉพาะในหมู่ผู้หญิง
  • 50% และ 45% ของผู้หญิงและผู้ชายตามลำดับ กลัวไม่มีเงินจุนเจือครอบครัว

ว่างงานทำเสียสุขภาพจิต แต่ถ้าให้เริ่มงานใหม่ ใจก็ไม่แข็งแรงพอ

Nervous stressed woman feeling anxiety or strong headache massaging temples studying in cafe, young tired female student experiencing panic attack preparing for test or exam in public place

มีรายงานว่า สภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันส่งผลต่อความมั่นใจและความหวังของคนรุ่นใหม่ที่ยังไม่เริ่มงานเป็นอย่างมาก จนกระทบไปถึงสภาพจิตใจของพวกเขา

Jonathan Townsend ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Prince’s Trust เผยว่า “พอสถานะการว่างงานมาเจอกับปัญหาสุขภาพจิต มันดันกลายเป็นหลุมกับดัก และอาจทำร้ายคนรุ่นใหม่กว่าเดิม หากเรายังไม่ลงมือทำอะไรสักอย่าง ”

สถานการณ์ตอนนี้เหมือนกับเพลง ‘กลับไม่ได้ ไปไม่ถึง’ เพราะ Gen Z ในประเทศติดอยู่ในหล่มของวงจรอุบาทว์ โดยมีการว่างงานเป็นต้นตอให้พวกเขารู้สึกแย่ แต่จิตใจก็ไม่แข็งแรงพอที่จะสู้งานได้

44% ของกลุ่มตัวอย่างยอมรับว่ามีปัญหาสุขภาพจิต และ 33% กลัวว่ามันอาจส่งผลต่อเป้าหมายการทำงานของตนเอง ซึ่งพวกเขาก็คาดการณ์ไม่ผิดมากนัก เนื่องจาก

  • 20% เคยขาดเรียนหรือโดดงานในปีที่ผ่านมา
  • 18% รู้สึกเหนื่อยเกินกว่าจะกรอกใบสมัครงานได้
  • 12% ไม่มีแรงไปสัมภาษณ์งาน

ยิ่งไปกว่านั้น 10% ของคนรุ่นใหม่ที่มีฐานะยากจนตัดสินใจลาออกจากงานในปีที่ผ่านมา ด้วยเหตุผลของสุขภาพจิต

งานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งชี้ว่า แม้เหล่า Gen Z ในสหราชอาณาจักรจะเข้าออฟฟิศมาทำงานทุกวัน แต่จิตใจพวกเขาไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย และหากวัดปริมาณงานที่ทำเสร็จจริงๆ อาจตีได้ว่าคนกลุ่มนี้ขาดงานเกือบๆ 50 วันต่อปี

ในความมืดมิด ยังมีความหวัง

แม้สถานการณ์จะดูหนักหน่วงขนาดไหน แต่ Townsend ยังมีความหวัง เพราะ Gen Z ในประเทศเคยออกมาพูดกันแล้วว่าพวกเขาต้องการให้หัวหน้างานและบริษัทต่างๆ ปฏิบัติตัวกับพวกเขาอย่างไร

ราวๆ 30% ของกลุ่มตัวอย่างมองว่า พวกตนต้องการความช่วยเหลือในเรื่องความมั่นคงในการทำงาน รวมถึงคำแนะนำในการเขียน CV การตอบคำถามสัมภาษณ์ และการพัฒนาตนเองให้ตรงกับทักษะที่งานต้องการ

Townsend ทิ้งท้ายว่า “คนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่ยังมีความมุ่งมั่นที่จะทำตามฝันของตนเองอยู่ พวกเขาต้องการคำแนะนำและกำลังใจในการก้าวผ่านอุปสรรคต่างๆ โดยเฉพาะในเวลาที่โลกแห่งการทำงานเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วแบบทุกวันนี้”

แหล่งข้อมูล: Fortune

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา