สมาคมผู้ค้าปลีกไทยเดินหน้าขานรับนโยบายรัฐบาล “โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส” เพื่อลดภาระค่าครองชีพ ด้วยการลดราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นให้แก่ประชาชนทั่วประเทศ พร้อมจัดมหกรรมลดราคาสินค้าต่อเนื่องตลอด 5 เดือนเต็ม ตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมาถึงมกราคม ปี 2568
โดยมีสมาชิกภายใต้สมาคมผู้ค้าปลีกไทยทำโปรโมชั่นลดราคาสินค้า เช่น การลดราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นให้กับผู้ประสบอุทกภัย และแคมเปญการตลาดอื่นๆ อาทิ เช่น ไทวัสดุ, ท็อปส์ ในเครือเซ็นทรัล รีเทล, ศูนย์การค้าเซ็นทรัล, ศูนย์การค้าโรบินสัน ไลฟ์สไตล์, เดอะมอลล์, สยามพิวรรธน์, บิ๊กซี, โลตัส ฯลฯ
โดยโครงการดังกล่าวเป็นการต่อยอดมาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐ และช่วยสร้างบรรยากาศจับจ่ายในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีต่อเนื่องถึงปี 2568 ซึ่งคาดว่าจะช่วยกระตุ้นเม็ดเงินหมุนเวียนได้มากกว่า 110,000 ล้านบาท
นายณัฐ วงศ์พานิช ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย เปิดเผยว่า “สมาคมผู้ค้าปลีกไทย พร้อมที่จะผสานความร่วมมือกับภาครัฐและทุกฝ่ายเพื่อร่วมกันกระตุ้นเศรษฐกิจไทย โดยการเข้าร่วมโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจฯ ในครั้งนี้ จะช่วยลดภาระลดค่าครองชีพให้กับประชาชน ด้วยความร่วมมือจากสมาชิกในสมาคมฯทุกคนเป็นอย่างดี
ทั้งนี้ ทางสมาคมฯ ได้นำเสนอข้อคิดเห็นต่อ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้นำมาตรการ “ช้อปดีมีคืน” กลับมาใช้อีกครั้งในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นที่จะกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยได้เป็นอย่างมาก
โดยมาตรการช้อปดีมีคืนจะช่วยเพิ่มโอกาสในการจำหน่ายสินค้าให้กับผู้ประกอบการ และ SME ที่จดทะเบียน VAT แต่ยังไม่เริ่มใช้หรืออยู่ในขั้นตอนการขออนุมัติการออกใบกำกับภาษีในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ตามที่กรมสรรพากรกำหนด โดยขอเสนอให้มีการลดหย่อนภาษีสูงสุด 50,000 บาท ซึ่งเชื่อว่าจะสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้มากกว่าแสนล้านบาท”
สมาคมผู้ค้าปลีกไทย พร้อมที่จะสนับสนุนนโยบายของภาครัฐที่จะมีขึ้นอย่างต่อเนื่องให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรม เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้ประกอบการโดยเฉพาะ SME รวมทั้งฟื้นฟูภาพรวมเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างเข้มแข็ง.
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา