ยุคของ Technology Disruption เกิดขึ้นในทุกวงการธุรกิจ แม้แต่เอเจนซี่เองก็มีการเปลี่ยนแปลงไปมาก เพราะเทคโนโลยีเปลี่ยน สื่อเปลี่ยน พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน งานสร้างสรรค์ (Creative) จึงไม่เพียงพออีกต่อไป
เอเจนซี่ยุคใหม่ เป็นตัวแทนให้ลูกค้ามากกว่ารูปแบบเดิมๆ
นิยามของเอเจนซี่คือ การเป็นตัวแทนของลูกค้า ในการสร้างสรรค์ผลงานเพื่อนำไปสู่เป้าหมายคือ ยอดขายที่เพิ่มขึ้น ในอดีตงานหลักอาจเป็นการสร้างสรรค์ผลงานโฆษณา เพื่อสื่อสารไปยังผู้บริโภค แต่ในปัจจุบันอาจไม่เพียงพอ
อภิโชค เกิดผล Innovation Manager ของ Yell Advertising ได้ให้แนวคิดว่าปัจจุบันแบรนด์ต่างๆ มีทางเลือกในการทำงานมากขึ้นนอกเหนือจากวิธีการทำโฆษณาแบบเดิมๆ ทั้งออนไลน์ และออฟไลน์ แต่การทำ Communication ให้ไปถึง Conversion อย่างมีประสิทธิภาพ ในรูปแบบ Full Funnel บนพื้นฐานของเทคโนโลยี ที่สามารถเข้าถึงคนหลายล้าน และวัดผลได้อย่างชัดเจนต่างหากคือแนวทางการทำงานของเอเจนซี่ยุคใหม่
ดังนั้นการทำ Campaign แบบ Full Funnel จึงเลือกเทคโนโลยีที่ตอบคำถามได้ตามความต้องการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ วัดผลได้ และต้องลดความซับซ้อนลงได้ด้วย
กรณีศึกษา แคมเปญ CP Kurobuta Festival #5 เปลี่ยนแปลงด้วยเทคโนโลยี
อภิโชคบอกว่า การพัฒนาตัวเองจากเอเจนซี่โฆษณาที่สร้างสรรค์แคมเปญให้ลูกค้า มาเป็นบริษัท เทคโนโลยีมากขึ้น ผสมผสานเครื่องมือต่างๆ แบบ Total Solutions ทำให้เกิดผลสำเร็จมากขึ้น กรณีศึกษาที่เห็นได้ชัดคือ CP Kurobuta Festival #5
แคมเปญนี้ Yell ต้องเจอกับความท้าทายในการหา Platform ร่วมสนุกที่เชื่อมโยงร้านค้ามากกว่า 100 แบรนด์ ที่จำหน่ายหมูดำ ซีพี-คูโรบูตะ (CP Kurobuta) ทั้งในร้านอาหาร รวมถึงการซื้อโดยตรงจากซูเปอร์มาร์เก็ต ทุกคนมีส่วนร่วมได้เพียง ซื้อครบ 100 บาทส่ง ใบเสร็จรับเงินมาร่วมลุ้นรางวัล
ในปีที่แล้ว Yell ได้พบว่าการทำ Communication ไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาคือทำอย่างไรให้คนส่งใบเสร็จร่วมสนุกได้ง่ายที่สุดโดยรบกวนหน้าร้านของแต่ละเเบรนด์ให้น้อยที่สุด ในปีนี้ จึงศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภค และนำเทคโนโลยี Chatbot เข้ามาใช้งาน เพราะรู้ว่า คนไทยชอบแชท ผลคือ ภายในวันเดียว มีผู้บริโภคส่งใบเสร็จมาร่วมสนุกเติบโตกขึ้นกว่า 3,000%
นี่คือ สิ่งที่พิสูจน์ว่า เอเจนซี่ ไม่ใช่แค่คิดแคมเปญ หรือสื่อสารกับผู้บริโภค แต่ต้องช่วยลูกค้าในการสร้าง Conversion ให้เกิดขึ้นจริง ในเงื่อนไขที่ลูกค้ามี
เจาะการทำงาน Chatbot ไอเดียสู่ความสำเร็จ
แม้ว่า Chatbot ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่จะทำให้มีประสิทธิภาพก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ทาง Yell ศึกษาและพบว่า Chatbot จะทำงานได้ดีต้องกำหนดการใช้งานเพียงเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ไม่สามารถตอบทุกคำถามได้ จึงนำหลัก “เศรษฐศาสตร์พฤติกรรม” มาช่วยให้ Chatbot ทำงานได้ดีขึ้น
วิธีการคิดแบบเศรษฐศาสตร์พฤติกรรม ที่นำมาใช้ในแคมเปญนี้คือการสร้างตัวเลือกในการถามคำถามด้วย Framing Effect เพื่อให้ผู้ร่วมสนุกพูดคุยกับบอทในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมการส่งใบเสร็จ เมื่อได้ข้อมูลครบ การส่งรูปใบเสร็จรับเงิน CP Kurobuta ก็ง่ายเหมือนการส่งรูปให้เพื่อนผ่านโปรแกรมแชท
จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเวลาผ่านไปเพียงไม่กี่วัน แคมเปญ CP Kurobuta Festival #5 ก็มียอดผู้ร่วมสนุกทะลุเป้าหมายที่วางไว้เรียบร้อย
ดิจิทัล หรือ ไม่ดิจิทัล ไม่สำคัญ แต่ต้องแก้ปัญหาให้ได้
ทุกวันนี้ เอเจนซี่ต้องทำงานเป็น Partner กับลูกค้า ไม่ได้แยกว่าเป็นดิจิทัลหรือไม่ดิจิทัลแล้ว แต่เอเจนซี่ต้องเป็นที่พึ่งที่สรรหาสิ่งใหม่ๆ แก้ปัญหาให้ลูกค้า ทั้งในเรื่องแบรนด์ และยอดขาย
“เดิมทำโฆษณาดัง ทำคลิปไวรัลได้ เอเจนซี่ก็เป็นที่รู้จักแล้ว แต่ตอนนี้ไม่ใช่ เอเจนซี่ต้องช่วยลูกค้าสร้างยอดได้ และต้องสร้างได้ทันที และต้อง Optimize เพื่อประสิทธิภาพในทุกจุดไปตลอดแคมเปญ”
Yell เชื่อว่า นี่คือทางของเอเจนซี่ยุคใหม่ ที่ไม่เพียงแค่สร้างสรรค์งานโฆษณา แต่ต้องไปให้ลึกและกว้างกว่านั้น
สรุป
เอเจนซี่ยุคใหม่ ต้องมีความคล่องตัวทั้งการทำงานและการปรับตัว ทำงานร่วมกับลูกค้าแบรนด์อย่างใกล้ชิด เข้าถึงพฤติกรรมผู้บริโภค ต้องเข้าใจและนำเทคโนโลยีมาใช้ จนอาจเรียกได้ว่า เทคเอเจนซี่ เพราะการเป็น ดิจิทัลเอเจนซี่ ไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้าอีกต่อไป
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา