เรียกว่าตอกย้ำเบอร์ 1 ตลาดสมาร์ตโฟนพับได้ เพราะ หัวเว่ย ผู้ผลิตอุปกรณ์โทรคมนาคมชั้นนำจากจีน เตรียมเปิดตัว Mate XT สมาร์ตโฟนพับได้ 3 ทาง หรือ Tri-Fold ที่ปัจจุบันมียอดจองในประเทศจีนเข้ามาแล้วมากกว่า 3 ล้านเครื่อง โดยปัจจุบันหัวเว่ยเป็นเบอร์ 1 ในตลาดนี้ ผ่านส่วนแบ่งตลาด 27.5% สูงกว่าซัมซุงที่มีส่วนแบ่ง 16.4%
Mate XT ยอดจองทะลุ 3.4 ล้านราย
สำนักข่าว Reuters รายงานว่า หัวเว่ยเตรียมเปิดตัวสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ Mate XT อย่างเป็นทางการในวันที่ 10 ก.ย. 2024 โดยเป็นการจัดงานเปิดตัวหลังจากแอปเปิ้ลเปิดตัว iPhone 16 เพียง 1 วันเท่านั้น และถึงสมาร์ตโฟนรุ่นดังกล่าวจะเผยแพร่ภาพตัวเครื่อง และคุณสมบัติเบื้องต้นออกมาแล้ว แต่ความน่าสนใจของงานนี้ยังมีอยู่ดี
เนื่องจากปัจจุบันมีผู้บริโภคในจีนทำการจองซื้อเครื่อง Mate XT ผ่านช่องทางออนไลน์กว่า 3.4 ล้านราย แม้การจองนั้นจะไม่ต้องวางเงินมัดจำใด ๆ แต่ถือเป็นตัวเลขที่มากพอสมควร เพราะยังไม่มีราคาอย่างเป็นทางการออกมา รวมถึงมีการคาดการณ์ว่าราคาของสมาร์ตโฟนรุ่นนี้น่าจะสูงกว่า 70,000 บาท แน่นอน
Mate XT เป็นสมาร์ตโฟนที่มีจุดเด่นเรื่องการพับได้ 3 ทาง หรือ Tri-Fold จากปกติสมาร์ตโฟนพับได้ในตลาดจะพับได้ 2 ทาง หรือ Bi-Fold โดย Mate XT จะมีหน้าจอเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งจอ และเมื่อพับเข้ามาทั้งหมดเป็นจอเล็กจะมีความหนาค่อนข้างมาก
ตอกย้ำเบอร์ 1 ตลาดสมาร์ตโฟนพับได้
การเปิดตัว Mate XT ยังเป็นการตอกย้ำเบอร์ 1 ของตลาดสมาร์ตโฟนพับได้ เพราะหากอ้างอิงผลสำรวจของ IDC จะพบว่า สิ้นไตรมาส 2 ปี 2024 หัวเว่ยมีส่วนแบ่งในตลาดนี้ 27.5% เหนือกว่าซัมซุงที่ได้ส่วนแบ่ง 16.4% โดยเหตุผลหลักมาจากการทำตลาดได้ดีในประเทศจีน เช่น Mate X5 สมาร์ตโฟนพับได้ที่ขายเมื่อปี 2023 เป็นต้น
สำหรับภาพรวมตลาดสมาร์ตโฟนพับได้ในไตรมาส 2 ปี 2024 IDC มองว่า เติบโต 57% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2023 ผ่านการจำหน่ายทั่วโลกราว 3.9 ล้านเครื่อง โดยมีผู้ผลิตสมาร์ตโฟนจากจีนทำตลาดสมาร์ตโฟนพับได้ พร้อมส่งออกไปจำหน่ายในต่างประเทศมากขึ้นเป็นหนึ่งในปัจจัย เช่น Vivo
อย่างไรก็ตามตัวเลขดังกล่าวคิดเป็นเพียง 1.3% เมื่อเทียบกับยอดขายสมาร์ตโฟนทั่วโลกในช่วงเวลาเดียวกันที่สูงถึง 292 ล้านเครื่อง โดยมีปัจจัยลบ เช่น รอยพับของหน้าจอ, ความทนทานของบานพับ รวมถึงราคาที่ค่อนข้างสูงกว่าสมาร์ตโฟนรุ่นเรือธงเกือบเท่าตัว เป็นตัวฉุดไม่ให้ผู้บริโภคหันมาซื้อสมาร์ตโฟนพับได้
ไม่หวั่นสหรัฐอเมริกาคว่ำบาตร และ iPhone รุ่นใหม่
ย้อนไปที่ยอดจองกว่า 3.4 ล้านเครื่องของ Mate XT เรื่องดังกล่าวสะท้อนว่า หัวเว่ยอาจไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องการถูกสหรัฐอเมริกา รวมถึงประเทศอื่น ๆ คว่ำบาตร รวมถึงการที่แอปเปิ้ลพยายามรุกตลาดจีนอย่างจริงจังก็อาจถูกลดความกังวลไปเช่นกัน
เพราะยอดขายสินค้าในประเทศจีนทำได้อย่างแข็งแกร่ง แม้ตัวเครื่องจะมีราคาค่อนข้างสูงก็ตาม เช่นเดียวกับสมาร์ตโฟนรุ่นอื่น ๆ ของหัวเว่ยที่ยังจำหน่ายได้ดีในประเทศจีน รวมถึงอุปกรณ์โทรคมนาคมที่ยังทำตลาดได้ดีในประเทศจีน รวมถึงบางประเทศที่ยินดีร่วมมือกับหัวเว่ยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่า Mate XT อาจไม่ได้ส่งผลกระทบโดยตรงกับภาพรวมยอดขายสมาร์ตโฟนของซัมซุง และแอปเปิ้ลมากนัก เพราะรุ่นดังกล่าวจำกัดการจำหน่ายแค่ในประเทศจีน รวมถึงประโยชน์ต่าง ๆ ของสมาร์ตโฟนแบบพับได้ที่ผู้บริโภคยังไม่สามารถนิยามจุดดีอื่น ๆ นอกเหนือจากการพับได้เช่นกัน
แอปเปิ้ล กับ iPhone 16 ที่เปลี่ยนแปลงไม่มาก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แอปเปิ้ล ได้เปิดตัว iPhone 16 โดยมี 4 รุ่นย่อยคือ iPhone 16, iPhone 16 Plus, iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max ราคาเริ่มต้นในประเทศไทยราคาเริ่มต้นที่ 29,900 และสูงสุดที่ 64,900 บาท เปิดให้สั่งซื้อล่วงหน้าในวันที่ 13 ก.ย. และวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 ก.ย.
ราคาของ iPhone 16 แต่ละรุ่นถูกกว่ารุ่นก่อนราว 1,000-3,000 บาท โดยในวันเดียวกับที่เปิดตัว iPhone ทางแอปเปิ้ลได้เปิดตัว Apple Watch Series 10 นาฬิกาอัจฉริยะรุ่นใหม่ ที่ปรับเปลี่ยนการออกแบบเล็กน้อย ราคาเริ่มต้น 14,900 บาท
ปัจจุบันผู้จำหน่าย iPhone รวมถึงสินค้าต่าง ๆ ของแอปเปิ้ลในประเทศไทยไม่ได้มีแค่ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ หรือตัวแทนจำหน่ายสินค้าแอปเปิ้ลกลุ่มเดิม เช่น Studio 7 ของคอมเซเว่น หรือ iStudio ของเอสพีวีไอ และคอปเปอร์ไวด์ แต่ยังมีกลุ่มค้าปลีกสินค้าไอที เช่น เจไอบี และแอดไวซ์ เป็นตัวแทนจำหน่ายเช่นกัน
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา