เสียวหมี่ คอร์เปอเรชัน (“เสียวหมี่” หรือ “กลุ่มธุรกิจ”; Stock Code:1810) บริษัทด้านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อผู้บริโภคและอุตสาหกรรมการผลิตอัจฉริยะด้วยการเป็นผู้นำด้านสมาร์ทโฟนและสมาร์ทฮาร์ดแวร์ที่เชื่อมต่อบนแพลตฟอร์ม Internet of Things (IoT) เผยผลการดำเนินงานไม่สอบทานสำหรับสามเดือน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 (“ไตรมาส 2 ปี 2567” หรือ “ช่วงเวลาดังกล่าว”) เสียวหมี่รายงานการเติบโตของรายรับเป็นตัวเลขสองหลักจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า (YoY) เป็นไตรมาสที่สามติดต่อกันในไตรมาส 2 ปี 2567 โดยมีรายรับอยู่ที่ 88.9 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 32% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า กำไรสุทธิที่ปรับแล้วอยู่ที่ 6.2 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 20.1% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง อัตรากำไรขั้นต้นโดยรวมยังคงแข็งแกร่งที่ 20.7% ธุรกิจหลักทั้งสามของเสียวหมี่ ได้แก่ สมาร์ทโฟน ผลิตภัณฑ์ IoT และไลฟ์สไตล์ และบริการอินเทอร์เน็ต มีรายรับ 46.5 พันล้านหยวน 26.8 พันล้านหยวน และ 8.3 พันล้านหยวน ตามลำดับ รายรับจากธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะและโครงการใหม่ๆ อื่นๆ มีมูลค่ารวม 6.4 พันล้านหยวน ผลงานโดยรวมของกลุ่มธุรกิจเกินความคาดหมาย ถือเป็นก้าวใหม่ของการเติบโตอย่างก้าวกระโดด
ในไตรมาส 2 เงินสดของเสียวหมี่พุ่งสูงถึง 141 พันล้านหยวน ณ วันที่ 30 มิถุนายน ซึ่งถือเป็นรากฐานที่สำคัญสำหรับการพัฒนาธุรกิจหลักและธุรกิจใหม่ๆ อย่างยั่งยืน และช่วยสนับสนุนการเติบโตอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องของบริษัท ซึ่งขับเคลื่อนโดยการลงทุนอย่างต่อเนื่องในเทคโนโลยีหลักพื้นฐาน เทคโนโลยี AI ของเสียวหมี่ช่วยส่งเสริมการพัฒนาธุรกิจของบริษัทอย่างเห็นได้ชัด โดยช่วยเพิ่มขีดความสามารถของผลิตภัณฑ์และประสบการณ์อัจฉริยะในสมาร์ทโฟนและรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะของเสียวหมี่ ขณะเดียวกันก็เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานของโรงงานอัจฉริยะของเสียวหมี่ การพัฒนาระบบนิเวศอัจฉริยะ “Human x Car x Home” ของเสียวหมี่คาดว่าจะช่วยกระตุ้นธุรกิจของบริษัทและเสริมสร้างความยั่งยืนของการเติบโตในอนาคต
เสียวหมี่ มีอัตราการเติบโตเร็วที่สุดในแบรนด์สมาร์ทโฟน 5 อันดับแรกของโลก ในขณะที่มีการขยายการตัวทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ในไตรมาส 2 ยอดการจัดส่งสมาร์ทโฟนทั่วโลกของเสียวหมี่ อยู่ที่ 42.2 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 28.1% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า จากข้อมูลของ Canalys เสียวหมี่ยังคงรักษาตำแหน่งหนึ่งในสามแบรนด์สมาร์ทโฟนชั้นนำทั่วโลกได้ติดต่อกัน 16 ไตรมาส โดยมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 14.6% เสียวหมี่เป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนที่มีอัตราการเติบโตเร็วที่สุดในแบรนด์สมาร์ทโฟน 5 อันดับแรกของโลกในด้านยอดการจัดส่งสมาร์ทโฟน
ธุรกิจสมาร์ทโฟนของเสียวหมี่รายงานการเติบโตที่แข็งแกร่งด้วยรายรับในไตรมาส 2 ที่ 46.5 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 27.1% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า จากข้อมูลของ Canalys ในไตรมาส 2 ยอดการจัดส่งสมาร์ทโฟนของกลุ่มธุรกิจอยู่ในสามอันดับแรกใน 58 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก และอยู่ในอันดับห้าอันดับแรกใน 70 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก การเติบโตนี้ตอกย้ำให้เห็นถึงอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของเสียวหมี่ในตลาดต่างประเทศโดยมีการขยายตัวอย่างรวดเร็วในละตินอเมริกา เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันออกกลาง และแอฟริกา นอกจากนี้ ยอดการจัดส่งสมาร์ทโฟนของ เสียวหมี่ อยู่ในอันดับสองอันดับแรกเป็นครั้งแรกในละตินอเมริกาอีกด้วย
รายรับจากธุรกิจ IoT พุ่งสูง ยอดขายเครื่องปรับอากาศในไตรมาส 2 พุ่งขึ้นสูงกว่า 40%
ธุรกิจผลิตภัณฑ์ IoT และไลฟ์สไตล์ของเสียวหมี่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในไตรมาส 2 โดยมีรายรับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 26.8 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 20.3% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า ในขณะเดียวกัน กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะขนาดใหญ่ภายในบ้านยังคงทำผลงานได้อย่างแข็งแกร่ง โดยมีรายรับเพิ่มขึ้น 38.7% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า
จากข้อมูลของ Canalys พบว่ายอดจัดส่งแท็บเล็ตทั่วโลกของเสียวหมี่ในไตรมาส 2 เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า ทำให้เสียวหมี่เป็นแบรนด์แท็บเล็ตที่เติบโตเร็วที่สุดใน 5 อันดับแรกในด้านยอดจัดส่งสินค้า โดยยอดจัดส่งอุปกรณ์สวมใส่ของเสียวหมี่ อยู่ในอันดับที่ 3 ของโลกและอันดับที่ 2 ในประเทศจีน ส่วนยอดจัดส่งหูฟัง TWS อยู่ในอันดับที่ 3 ของโลกและอันดับที่ 1 ในประเทศจีน
ในไตรมาส 2 เครื่องปรับอากาศของเสียวหมี่มียอดจัดส่งเกิน 3.3 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้นกว่า 40% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า ในช่วงเวลาดังกล่าว ตู้เย็นและเครื่องซักผ้าของเสียวหมี่ก็มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญเช่นกัน โดยมียอดจัดส่งกว่า 600,000 เครื่องและ 400,000 เครื่อง ตามลำดับ
ธุรกิจบริการอินเทอร์เน็ตเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยมีจำนวนผู้ใช้งานต่อเดือนทั่วโลกและจีนแผ่นดินใหญ่เพิ่มขึ้นกว่า 10% ตามลำดับ
ในช่วงเวลาดังกล่าว บริการอินเทอร์เน็ตยังคงเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีรายรับเพิ่มขึ้น 11% แตะระดับสูงสุดที่ 8.3 พันล้านหยวน ขณะที่เสียวหมี่ยังคงขยายเครือข่ายพันธมิตรทั่วโลก รายรับจากบริการอินเทอร์เน็ตในต่างประเทศเพิ่มขึ้น 32.9% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า เป็น 2.7 พันล้านหยวนในไตรมาส 2 ทำให้ส่วนแบ่งรายรับจากบริการอินเทอร์เน็ตทั้งหมดเพิ่มขึ้นเป็น 32.1%
ฐานผู้ใช้อินเทอร์เน็ตยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และจำนวนผู้ใช้งานต่อเดือน (“MAU”) ทั่วโลกและในจีนแผ่นดินใหญ่ต่างก็ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ในเดือนมิถุนายน 2567 จำนวนผู้ใช้งานต่อเดือนทั่วโลกแตะระดับ 675.8 ล้านคน เพิ่มขึ้น 11.5% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า ในขณะที่จำนวนผู้ใช้งานต่อเดือนในจีนแผ่นดินใหญ่แตะระดับ 164.4 ล้านคน เพิ่มขึ้น 10.1% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า
ธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะเติบโตเกินคาดด้วยยอดส่งมอบกว่า 27,000 คันในไตรมาส 2
นับตั้งแต่เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะรุ่นแรกของเสียวหมี่ คือ Xiaomi SU7 Series ผลการตอบรับในท้องตลาดก็เกินความคาดหมายเป็นอย่างมาก ในไตรมาส 2 รายรับจากธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะและโครงการใหม่ๆ อื่นๆ สูงถึง 6.4 พันล้านหยวน กลุ่มธุรกิจเร่งผลิตและส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ Xiaomi SU7 Series อย่างต่อเนื่อง ในไตรมาส 2 รถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ Xiaomi SU7 Series ส่งมอบได้ 27,307 คัน โดยมียอดส่งมอบต่อเดือนเกิน 10,000 คันเป็นเวลา 2 เดือนติดต่อกัน การเพิ่มขึ้นของกำลังการผลิตนั้นแซงหน้าคู่แข่ง และแสดงให้เห็นถึงขีดความสามารถทางการแข่งขันที่แข็งแกร่ง
ตั้งแต่เดือนมิถุนายน โรงงานรถยนต์ไฟฟ้าของเสียวหมี่ได้เริ่มดำเนินการแบบสองกะ โดยมีเป้าหมายที่จะบรรลุเป้าหมายของกลุ่มธุรกิจในการส่งมอบรถยนต์ 100,000 คันภายในเดือนพฤศจิกายนก่อนกำหนด นอกจากนี้ บริษัทยังตั้งเป้าที่จะส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ Xiaomi SU7 Series จำนวน 120,000 คันภายในปี 2567 อีกด้วย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 เสียวหมี่ได้เปิดศูนย์จำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ 87 แห่งในจีนแผ่นดินใหญ่ เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของคำสั่งซื้ออย่างต่อเนื่อง พร้อมกับมอบการปกป้องรถยนต์ระดับมืออาชีพที่ครบครันให้กับผู้ใช้งาน
เงินสดที่เพียงพอของกลุ่มธุรกิจทำให้ธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะของเสียวหมี่สามารถรักษาโฟกัสที่เทคโนโลยีและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ไว้ได้ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงในท้องตลาด สิ่งนี้ช่วยเพิ่มอิทธิพลและความสามารถในการแข่งขันหลักของบริษัทนอกจากนี้ เสียวหมี่ยังคงเพิ่มพูนความสามารถในการวิจัยด้วยตนเองในเชิงลึกอย่างต่อเนื่อง และบรรลุความก้าวหน้า และการพัฒนาใหม่ๆ ในเทคโนโลยีหลักที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผลิตภัณฑ์ได้อย่างมีนัยสำคัญ ในเดือนกรกฎาคม 2567 กลุ่มธุรกิจได้เปิดตัวต้นแบบ Xiaomi SU7 Ultra และประกาศแผนที่จะทำสถิติเวลาต่อรอบที่โดดเด่นที่สนาม Nürburgring Nordschleife ในเดือนตุลาคม โดยมีเป้าหมายในการเป็นรถยนต์ไฟฟ้าสี่ประตูที่เร็วที่สุดในสนามภายในทศวรรษหน้า
AI เสริมศักยภาพให้กับระบบนิเวศอัจฉริยะ “Human x Car x Home” ของเสียวหมี่อย่างเต็มกำลัง ช่วยขับเคลื่อนให้เกิดการเติบโตของตลาดระดับพรีเมียม
กลุ่มธุรกิจยังคงนำ AI มาใช้เพื่อปรับปรุงระบบนิเวศอัจฉริยะ “Human x Car x Home” ในไตรมาส 2 การลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาของเสียวหมี่ยังคงขยายตัว โดยมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 5.5 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 20.7% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า เทคโนโลยี AI ของเสียวหมี่ได้ช่วยพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะในภาคส่วนรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ เทคโนโลยีนี้ถูกนำไปใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยให้การสนับสนุนทางเทคนิคที่แข็งแกร่งสำหรับระบบ Autopilot ระบบจอดรถอัตโนมัติ และการโต้ตอบด้วยเสียงผ่านผู้ช่วย AI ของเสียวหมี่
สำหรับผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟน เสียวหมี่ได้ปรับปรุงความสามารถในการจดจำและทำความเข้าใจแบบหลากหลายโหมดของผู้ช่วย AI โดยมอบฟีเจอร์ต่างๆ มากมายให้กับผู้ใช้ อาทิ การวิเคราะห์เอกสารด้วย AI และการสร้างวิดีโอด้วย AI นวัตกรรมเหล่านี้ล้วนช่วยสนับสนุนการเติบโตของเสียวหมี่ในตลาดระดับพรีเมียม
ตามข้อมูลของบุคคลที่สาม ในไตรมาส 2 ปี 2567 สมาร์ทโฟนพรีเมียมของเสียวหมี่รุ่นที่มีราคาตั้งแต่ 3,000 หยวนขึ้นไปมีสัดส่วนคิดเป็น 22.1% ของยอดจัดส่งสมาร์ทโฟนทั้งหมดในจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งเพิ่มขึ้น 2.0 จุดเปอร์เซ็นต์จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า ส่วนแบ่งการตลาดของสมาร์ทโฟนในกลุ่มราคา 3,000 ถึง 4,000 หยวน, 4,000 ถึง 5,000 หยวน และ 5,000 ถึง 6,000 หยวน อยู่ที่ 16.8%, 20.1% และ 8.9% ตามลำดับ ซึ่งทั้งหมดล้วนมีการเติบโตจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า
เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม เสียวหมี่ได้เปิดตัวอุปกรณ์พับได้รุ่นเรือธงรุ่นใหม่ Xiaomi MIX Fold 4 พร้อมด้วยอุปกรณ์พับได้ขนาดกะทัดรัดรุ่นแรก Xiaomi MIX Flip ในจีนแผ่นดินใหญ่ ประสิทธิภาพของสมาร์ทโฟนพับได้ทั้งสองรุ่นนั้นเหนือความคาดหมายเป็นอย่างมาก และช่วยเพิ่มชื่อเสียงของเสียวหมี่ในตลาดพรีเมียม Xiaomi MIX Flip ได้รับเสียงชื่นชมอย่างมากจากดีไซน์พับได้อันเป็นเอกลักษณ์และนวัตกรรมใหม่ [หน้าจอด้านนอกขนาด 4.01 นิ้วพร้อมความสามารถในการแปลแบบออฟไลน์ด้วย AI]
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา