รัสเซียเริ่มแย่ หลังธนาคารจีนเริ่มปฏิเสธการชำระเงินจากรัสเซีย 98%
หลังจากที่รัสเซียบุกยูเครน ก็มีผลกระทบจากชาติตะวันตกหลายแห่งด้วยการออกมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียทุกรูปแบบ บ้างก็ยึดเงินนักธุรกิจชาวรัสเซียจนทำให้ต้องขายกิจการออกไปบ้าง หลายธุรกิจต้องปิดตัว บ้างก็ย้ายออกจากรัสเซีย เพื่อไม่ให้ได้รับผลกระทบจากกการคว่ำบาตรดังกล่าว
ล่าสุด สถานการณ์ระหว่างชาติพันธมิตรอย่างจีนก็เริ่มเปลี่ยนไป โดยธนาคารจีนราว 98% หรือเกือบทั้งหมดปฏิเสธที่จะรับโอนเงินจากรัสเซียโดยตรง เรื่องนี้ Alexey Razumovsky ผู้อำนวยการด้านพาณิชย์จากบริษัท Impaya Rus บริษัทที่ให้บริการระบบชำระเงินแห่งรัสเซียให้สัมภาษณ์ผ่าน Izvestia สื่อรัสเซีย
ประเด็นดังกล่าวเริ่มจะร้อนแรงขึ้นเมื่อประมาณ 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อบริษัทการเงินสัญชาติจีนขนาดเล็กยังคงให้มีการชำระเงินได้อยู่ในช่วงพฤษภาคม-มิถุนายนที่ผ่านมา แต่ปรากฎว่า เดือนที่แล้ว Kommersant สื่อรัสเซียรายงานข่าวว่า การโอนเงินผ่านธนาคารจีน ไม่สามารถโอนได้ และไม่มีคำอธิบายใดๆ ด้วย
ด้านบริษัทที่ให้บริการระบบการชำระเงินระบุว่า ความท้าทายที่ต้องรับมือตอนนี้ก็คือการดำเนินการกับธนาคารจีนอาจจะทำให้เกิดความยากลำบากกับห่วงโซ่อุปทานและอัตราเงินเฟ้อในรัสเซีย
ก่อนหน้านี้ ราวปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาก็มีรายงานสถานะทางการค้าระหว่างจีนกับรัสเซียเหมือนกันว่า มีความยากลำบากมากขึ้น ซึ่งต้นเดือนกรกฎาคมนั้น ผู้ส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์รายใหญ่ของรัสเซียหลายแห่งเริ่มประสบปัญหาเมื่อต้องทำการชำระเงินโดยตรงด้วยเงินหยวน เกิดเหตุถูกระงับหรือมีเหตุทำให้ล่าช้ากว่าปกติ
มาตรการคว่ำบาตรรอบ 2 พ่นพิษ
ปัญหาที่แท้จริงน่าจะเริ่มต้นในเดือนธันวาคมที่สหรัฐอเมริกาเริ่มออกมาตรการคว่ำบาตรรอบ 2 โดยมุ่งเป้าไปที่สถาบันทางการเงินที่ให้ความช่วยเหลือรัสเซีย
ด้วยเหตุนี้ สถาบันทางการเงิน ธนาคารจากหลายประเทศทั่วโลก อาทิ จีน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ตุรกี ออสเตรียล้วนลดการทำธุรกรรมทางการเงินกับรัสเซียเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเพ่งเล็งจากสหรัฐฯ นั่นเอง
โดยกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ออกมาตรการใหม่ ขยายการคว่ำบาตรไปยังรัสเซียเพิ่ม ด้วยการบังคับให้ตลาดหลักทรัพย์มอสโก (Moscow Exchange) ระงับการซื้อขายสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐและเงินยูโร ส่วนชาวรัสเซียบางคนที่ต้องการหลีกเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรแต่ต้องการซื้อสินค้าผ่านบริษัทจีนด้วยการใช้ตัวกลาง ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มด้วย
การพยายามลงโทษรัสเซียด้วยการใช้มาตรการคว่ำบาตรผ่านมาราว 29 เดือนแล้ว นับจากรัสเซียบุกยูเครนเต็มรูปแบบ ที่ทำเช่นนี้ก็หวังจะให้รัสเซียหยุดก่อสงครามเสียที
ก่อนหน้านี้ก็ได้ปิดกั้นไม่ให้ธนาคารรัสเซียบางแห่งใช้ระบบการส่งข้อความ (SWIFT หรือระบบส่งข้อความระหว่างสถาบันการเงินที่อยู่ต่างประเทศกันเพื่อทำธุรกรรมโอนเงินระหว่างกัน) ทางรัสเซียก็แก้เกมด้วยการใช้ธนาคารขนาดเล็กและใช้ระบบชำระเงินโดยไม่ใช้เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ
คว่ำบาตรเมื่อใช้เงินดอลลาร์สหรัฐ หรือเงินยูโร..ก็หันไปใช้เงินหยวนแทน
ปีที่ผ่านมา กิจกรรมทางการค้าระหว่างจีน-รัสเซียนั้นมีมูลค่าสูงถึง 2.4 แสนล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 8.2 ล้านล้านบาท ซึ่งก่อนหน้านี้รัสเซียก็ไม่ได้รับผลกระทบเท่าไร ทั้งยังประกาศไว้ด้วยว่าจะร่วมมือกับกลุ่มประเทศที่สร้างแพลตฟอร์มที่ไม่จำเป็นต้องใช้เงินดอลลาร์สหรัฐ
ขณะที่ทางด้าน Alexey Poroshin ผู้อำนวยการทั่วไปจากบริษัท First Group ที่ให้คำปรึกษาและการลงทุน ให้สัมภาษณ์สื่อว่า สถาบันการเงินสัญชาติจีนกำลังเริ่มปฏิเสธระบบการชำระเงินจากเงินสกุลรูเบิล ด้าน Poroshin ระบุว่า ธนาคารจีนไม่ค่อยให้ความสนใจที่จะทำธุรกิจกับรัสเซียผ่านสถาบันการเงินในฮ่องกงเท่าไร
ด้าน Ekaterina Kizevich ซีอีโอแห่ง Atvira บริษัทให้คำปรึกษาด้านการค้าต่างประเทศระบุว่า บริษัทรัสเซียยังส่งเงินหยวนไปจีนผ่านธนาคารรัสเซียที่มีสาขาอยู่ในประเทศ ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้รัสเซียพยายามเร่งสร้างกลไกในการชำระเงินทางเลือกอื่น เช่น ให้สามารถทำธุรกรรมทางการเงินผ่านประเทศที่สามที่เป็นมิตร รวมทั้งคริปโตด้วย
อย่างไรก็ดี ทางรัสเซียและจีนก็ได้พยายามรื้อฟื้นแนวปฏิบัติในการแลกเปลี่ยนสินค้าเพื่อหลีกเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตร ซึ่งการส่งออกของรัสเซียนั้นก็ถือเป็นแรงหนุนของรัสเซียในด้านการเงินและการทำสงคราม แต่การนำเข้าก็ยังสำคัญเพื่อรักษาสถานะทางเศรษฐกิจและป้องกันภาวะขาดแคลน
การมุ่งเป้าไปที่สถาบันการเงินอย่างจีนที่ถือเป็นพันธมิตรรายใหญ่ที่สุดของรัสเซียน่าจะสร้างความลำบากให้รัสเซียไม่น้อย ติดตามกันต่อไปว่ารัสเซียจะรับมือสถานการณ์นี้อย่างไร จะสร้างระบบการชำระเงินแบบไม่พึ่งตะวันตกและจีนอย่างไร ชาติไหนจะไม่ได้รับผลกระทบหากให้ความช่วยเหลือหรือทำธุรกิจร่วมกับรัสเซียบ้าง
ที่มา – Business Insider (1), (2)
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา