หลังจากที่ซานฟรานซิสโกซบเซามานาน ล่าสุดบรรยากาศก็กลับมาคึกคักใหม่อีกครั้ง ซึ่งหนึ่งในร้านที่เรียกความสดชื่นกลับคืนสู่เมืองอีกครั้งก็คือร้าน Paper Son Coffee
ตัวอย่างจากร้านนี้ก็คือการทำธุรกิจคั่วเมล็ดกาแฟแสนอร่อยที่ผู้คนนิยมอย่างถล่มทลายจากกลุ่มคนลาตินอเมริกาและเอเชียนอเมริกันนับตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ร้านเปิดในย่าน South of Market (SoMa) ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่เคยทิ้งร้างว่างเปล่ายาวนานเกือบ 3 ปี
ถ้าพูดถึงที่มาของร้านนี้ก็คือ Paper Son ถือเป็นส่วนหนึ่งของข้อริเริ่มในการทำให้ซานฟรานฯ ฟื้นฟูกลับมาคึกครื้นได้เหมือนบรรยากาศเมืองก่อนหน้านี้
Vacant to Vibrant
ความเงียบเหงา ความซบเซาที่ต้องเผชิญนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นจากความเสื่อมโทรมของเมืองเอง แต่เป็นผลมาจากช่วงยุคหลังโควิดระบาด เขาจึงมีโปรแกรม “Vacant to Vibrant” เกิดขึ้น เพื่อให้ร้านรวงต่างๆ เข้ามามีส่วนร่วมกับโครงการนี้
โครงการดังกล่าวเริ่มทำขึ้นมาตั้งแต่ปีที่แล้วโดย London Breed นายกเทศมนตรีของซานฟรานซิสโกที่ต้องการลดพื้นที่ว่างที่ถูกทอดทิ้งไว้ และชุบชีวิตให้เมืองกลับมาสดใสอีกครั้ง ซึ่ง Santino DeRose ผู้บริหารแห่ง Maven Commercial เล่าว่า ในอดีต ค่าเช่าในย่านนี้มีราคาสูงมาก แต่ตอนนี้ธุรกิจต่างๆ เริ่มทำเงินได้ด้วยตัวเองแล้ว
โครงการนี้ ทำงานยังไง?
โครงการนี้แก้ปัญหาด้วยการให้นักธุรกิจชั้นแนวหน้ามาช่วยกันเปิดให้เช่าพื้นที่ฟรียาวนาน 6 เดือน รวมทั้งจัดหาเงินทุนอื่นๆ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจ และสร้างแรงจูงใจให้คนมาทำธุรกิจด้วยการให้ความช่วยเหลือทั้งในแง่เทคนิคและด้านธุรกิจ แก่ผู้ประกอบการรายใดก็ตามที่ต้องการเปิดร้านในพื้นที่ว่างเปล่านั้น ซึ่งก็มีหลายแห่งด้วยกันที่เป็นพื้นที่ชั้นล่างของสำนักงานออฟฟิศต่างๆ
ทั้งนี้ ก็เพื่อให้ร้านรวงต่างๆ เหล่านี้มีเงินจ่ายค่าเช่าและมีการเซ็นสัญญาเช่าที่มีระยะเวลายาวนานขึ้นหลังจากที่ช่วงเช่าฟรีสิ้นสุดลง ซึ่งก็มีผู้ประกอบการราว 850 รายที่เข้ามาร่วมทำธุรกิจ
มี 17 ธุรกิจที่ได้รับเลือกให้ใช้พื้นที่เป็นหน้าร้าน 9 แห่งในช่วงฤดูใบไม้ร่วง มีธุรกิจ 11 แห่งที่ได้รับเลือกให้มาเปิดหน้าร้านในรุ่นที่สอง ช่วงเดือนพฤษภาคมและเริ่มเปิดหน้าร้านในช่วงฤดูร้อน
โครงการนี้ก็หวังว่าจะมีคลื่นแห่งการลงทุนมาช่วยฟื้นฟูให้ตลาดสำนักงานฟื้นตัว ซึ่งอัตราว่างของพื้นที่ที่เป็นสำนักงานในตัวเมืองสูงถึง 33.7% ถือว่าสูงเป็นประวัติการณ์
นอกจากให้พื้นที่ทำธุรกิจแบบฟรีค่าเช่าแล้ว ยังมีการเตรียมเงินให้ 12,000 เหรียญสหรัฐหรือประมาณ 4.2 แสนบาทพื่อให้ครอบคลุมค่าประกันภัยและค่าใช้จ่ายอื่นๆ โดยโครงการนี้จะให้เงินช่วยเหลือแก่เจ้าของอาคารประมาณ 5,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.7 แสนบาท เพื่อให้ครอบคุลมค่าใช้จ่ายสำหรับการปรับปรุงพื้นที่ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ด้านสาธารณูปโภคด้วย
ธุรกิจที่ได้รับเลือกส่วนใหญ่ก็เป็นธุรกิจขนาดเล็กที่มีการทำตลาดออนไลน์ด้วย รวมทั้งมีสินค้าและบริการที่สามารถดึงดูดให้ผู้คนออกมาชอปปิงด้วย
โครงการ Vacant to Vibrant ได้รับเงินสนับสนุนจากเมืองที่ 1 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 35 ล้านบาท และยังมีอีก 1 ล้านเหรียญสหรัฐที่ได้รับในปีงบประมาณ ซึ่งก็คือเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา รวมแล้วประมาณ 2 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 70 ล้านบาทสำหรับสนับสนุนร้านรวงต่างๆ เหล่านี้ให้เดินหน้าต่อไปได้
ที่มา – Yahoo News
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา