นอกจากเม็ดเงินระดมทุนของนักลงทุนที่ใส่ลงไปใน AI Hedge Fund จะขยายตัวอย่างต่อเนื่องในรอบหลายปีแล้วสิ่งที่นำมาพิสูจน์ “ความนิยม” ของกองทุนดังกล่าวนั่นคือ “ผลงาน” ในการสร้างผลกำไรในการลงทุนที่พิสูจน์แล้วว่าเอาชนะกองทุน Hedge Fund ทั้งแบบดั้งเดิมแม้กระทั่ง Quant Hedge Fund ก็ตาม ในอนาคตอันเร็วนี้อาจจะเข้ายึดครองตลาดทุนของโลกก็เป็นได้
สำนักข่าวบลูมเบิร์กได้รายงานออกมาเร็วๆ นี้ว่า กองทุน Hedge Fund ที่ใช้ระบบเทรดแบบคณิตศาสตร์หรือ Quant ขนาดกองทุน 1,450 ล้านเหรียญ ภายใต้ชื่อ Quantedge Global Fund ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาสามารถทำผลตอบแทนได้ถึง 21% เฉพาะเดือนกรกฎาคมเดือนเดียวทำไปได้ 6.8% จากสินค้าโภคภัณฑ์ เรียกได้ว่าชนะกองทุน Hedge Fund ทั่วไปแบบขาดลอย
ถ้านับผลตอบแทนย้อนหลังนับตั้งแต่เปิดกองในปี 2006 สามารถสร้างผลตอบแทนได้แล้วถึง 995% คิดเป็นค่าเฉลี่ยผลตอบแทนอยู่ที่ 25% ต่อปี ผู้อยู่เบื้องหลังกองทุนนี้คืออดีตทีมบริหารของกองทุน Reinesurance โดยมีฐานบัญชาการอยู่ที่สิงคโปร์ นโยบายการลงทุนจะเป็นแบบ Global Macro Fund ลงทุนสินทรัพย์ทั้วโลกทั้งหุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ ค่าเงิน
แม้ว่า Quant Hedge Fund จะมาแรงแค่ไหน ก็ยังมีเทคโนโลยีอื่นที่มาแรงกว่านั่นคือ AI Hedge Fund ที่ใช้ Machine Learning ในการวิเคราะห์และประมวลผลกลยุทธ์การลงทุน นอกเหนือจากเม็ดเงินระดมทุนที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องแล้ว ในแง่ของผลงานกองทุนสามารถสร้างผลกำไรได้ดีกว่า Hedge Fund ประเภทอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นกองทุนที่บริหารโดยผู้จัดการกองทุนทั่วไปรวมถึงกองทุนที่ใช้ Quant ในการบริหาร
ผลสำรวจของ Eurekahedge ซึ่งเป็นสำนักวิจัยและสำรวจผลตอบแทนการลงทุนของกองทุน Hedge Fund ทั่วโลกได้ออกมาระบุว่า 23 กองทุนที่ใช้ AI วิเคราะห์กลยุทธ์การลงทุนสามารถสร้างผลตอบแทนได้ Outperform มาตั้งแต่ปี 2010 โดยสร้างผลตอบแทนได้เฉลี่ย 8.44% ต่อปี ขณะที่ผลตอบแทนเฉลี่ยของ Hedge Fund ทั้งหมดสามารถทำได้ที่ 4.27% เฉพาะปี 2016 กองทุนที่ใช้ AI สร้างผลตอบแทนได้ 5.01% ขณะที่ค่าเฉลี่ยทั่วไปอยู่ที่ 4.48%
สาเหตุที่กองทุน Hedge Fund ที่ใช้ AI สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีต่อเนื่อง เป็นเพราะกลยุทธ์การลงทุนที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสภาวะตลาดและเหตุการณ์สำคัญที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เช่น ข่าวการชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของโดนัลด์ ทรัมป์, เหตุการณ์ Brexit กองทุนที่ใช้ AI สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่ากองทุนแบบอื่นภายใต้ช่วงเวลาเดียวกัน
รวมถึงจุดอ่อนของกองทุนที่ใช้ Quant ในการบริหารที่ใช้ข้อมูลย้อนหลังจากการทำ Back Test มากำหนดกลยุทธ์การลงทุนซึ่งบางครั้งกลยุทธ์เดิมอาจใช้ไม่ได้ผลเสมอไปและอาจจะช้าเกินไป
แม้เทคโนโลยี AI และ Machine Learning จะมีความละเอียดซับซ้อนสูง แต่กลยุทธ์ที่ทำให้สามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงกลับเป็นกลยุทธ์ที่เรียบง่ายและไม่ซับซ้อน ที่สำคัญคือ สามารถปรับใช้ให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันได้รวดเร็ว นี่คือ จุดแข็งของกองทุนยุคใหม่ที่ต้องแข่งขันกับความผันผวนของตลาดที่มีมากขึ้น
บทสรุปของซีรีส์ AI Hedge Fund ก็คือเทคโนโลยีเริ่มเข้ามามีบทบาทในการบริหารกองทุนมากยิ่งขึ้น ทั้งจุดแข็งในแง่ของต้นทุนดำเนินการที่ถูกกว่าการใช้ผู้จัดการกองทุนค่าตัวแพง และผลตอบแทนที่ทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนเองหรือบุคลากรในวงการตลาดทุนควรจะหันมามองเทคโนโลยีให้มากขึ้น เพราะนี่คือจุดเปลี่ยนสำคัญของอุตสาหกรรมการลงทุนของโลกอย่างแท้จริง
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
Related