Amazon Web Services ขี่คลื่นการเงินไทยเติบโต ลุยลูกค้าทั้งระดับสตาร์ตอัปถึงกลุ่มธนาคารใหญ่

Amazon Web Services หรือ AWS มีการทำตลาดในประเทศไทยมาระยะหนึ่ง และบุกตลาดด้วยความแข็งแกร่งเรื่องคลาวด์ กับบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อดึงลูกค้าตั้งแต่กลุ่มสตาร์ตอัป จนถึงองค์กรขนาดใหญ่ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เข้ามาใช้งาน

หนึ่งในลูกค้าสำคัญของ AWS ในประเทศไทยคงไม่พ้นกลุ่มบริการทางการเงิน ไม่ว่าจะเป็นสตาร์ตอัปด้านฟินเทค ไปจนถึงธนาคารยักษ์ใหญ่ของประเทศไทย เพราะธุรกิจเหล่านี้ให้ความสำคัญกับการลงทุนเกี่ยวกับคลาวด์ และการวิเคราะห์ข้อมูลในรูปแบบต่าง ๆ

วันนี้ Brand Inside มีโอกาสพูดคุยกับ วัตสัน ถิรภัทรพงศ์ ผู้จัดการประจำประเทศไทยของ AWS เพื่อฉายภาพให้เห็นถึงการบุกตลาดลูกค้ากลุ่มบริการทางการเงิน รวมถึงโอกาสทางธุรกิจ และทิศทางเกี่ยวกับความต้องการอื่น ๆ ของลูกค้ากลุ่มบริการทางการเงินในประเทศไทยดังนี้

AWS
วัตสัน ถิรภัทรพงศ์ ผู้จัดการประจำประเทศไทยของ AWS

ดิจิทัลตอบโจทย์การเงินยุคใหม่

วัตสัน ถิรภัทรพงศ์ ผู้จัดการประจำประเทศไทยของ AWS เล่าให้ฟังว่า ปัจจุบันธนาคารต่าง ๆ ในประเทศไทยมีการให้ความสำคัญกับโลกดิจิทัลมากขึ้น และกล้าที่จะนำเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่มามาตอบโจทย์บริการทางการในฝั่งดิจิทัล เช่น Web3 และ Blockchain มาประยุกต์ใช้เพื่อตอบโจทย์การใช้บริการทางการเงินยุคใหม่

อย่างไรก็ตาม ลูกค้ากลุ่มดังกล่าวยังต้องการนำเทคโนโลยีคลาวด์ไปตอบโจทย์การใช้งานรูปแบบต่าง ๆ เช่นเดิม ผ่านการปรับแต่งได้อย่างอิสระ ตอบโจทย์การใช้งานในแต่ละช่วงเวลาได้ ซึ่งเป็นแบบนี้ทั้งกลุ่มลูกค้าธนาคาร, นักลงทุนสถาบัน, ประกัน รวมถึงบริการรับชำระเงิน

“กระแสต่าง ๆ ทำให้อุตสาหกรรมบริการทางการเงินยังเดินหน้าไปในบริการเกี่ยวกับคลาวด์ ไม่ว่าจะเป็นการทำบริการต่าง ๆ ที่ตอบโจทย์ลูกค้าในแต่ละแง่มุมมากขึ้น และที่เห็นได้ชัดคือ ประกัน ที่ปัจจุบันมีความหลากหลาย และการใช้งานผ่านดิจิทัลกลายเป็นเรื่องปกติ รวมถึง บริการชำระเงิน ที่นำ AI เข้ามาตรวจสอบธุรกรรมเช่นกัน”

AWS

ยิ่งหลากหลายที่ต้องไปดิจิทัล

ขณะเดียวกันฝั่งผู้บริโภคเองมีความต้องการที่หลากหลายมากขึ้น ทำให้ผู้ให้บริการทางการเงินมีความจำเป็นต้องลงทุนในมุมดิจิทัลที่เพิ่มขึ้นตาม ไม่ว่าจะเป็น บริการแชตบอต, การใช้บริการในรูปแบบเว็บเบส และโมบาย, การใช้งานสมาร์ตดีไวซ์ต่าง ๆ เพื่อยกระดับการใช้ชีวิต รวมถึงการเข้าถึงคอนแทคเซ็นเตอร์ที่พร้อมแก้ปัญหาได้เร็ว

“มีการสำรวจพบว่า 62% ของผู้นำตลาดเกี่ยวกับบริการทางการเงินให้เหตุผลว่า การขยับไปใช้บริการคลาวด์มาจากการช่วยเพิ่มรายได้ในอนาคตได้ รวมถึงเรื่องการสร้างผลกำไรในอนาคตเช่นกัน แสดงให้เห็นว่าการลงทุนด้านคลาวด์ไม่ได้ช่วยแค่ประหยัดต้นทุน”

ทั้งนี้ AWS อยู่เบื้องหลังธุรกิจบริการทางการเงินทั่วโลกในด้านคลาวด์ และบริการดิจิทัลอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น Capital One, Standard Chartered, HSBC, BBVA และ SGX เป็นต้น ส่วนในประเทศไทยมีทั้งธนาคารกรุงศรี, ทรูมันนี่ รวมถึง มันนิกซ์ สตาร์ตอัปที่ให้บริการสินเชื่อดิจิทัลรายย่อยในชื่อ Finnix ที่ใช้บริการ

AWS

ใช้คลาวด์รับสังคมไร้เงินสดโต

หากเจาะไปที่ประเทศไทยจะพบว่า ช่วงปี 2020-21 มีจำนวนธุรกรรมผ่านพร้อมเพย์เติบโตถึง 4 เท่าตัว และมีผู้ใช้งานใหม่กว่า 9 ล้านราย แต่ถึงอย่างไรครัวเรือน และภาคธุรกิจต่าง ๆ ยังชื่นนิยมใช้เงินสด และเช็ค รวมถึงยังใช้บริการที่สาขา กับตู้ ATM ประกอบกับ SME ถึง 60% ยังไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อ

นอกจากนี้มากกว่า 60% ของ SME ในประเทศไทยยังไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงินต่าง ๆ ทำให้การนำการประเมินความเสี่ยงผ่านดิจิทัลจะช่วยเพิ่มโอกาสเข้าถึงสินเชื่อได้เช่นกัน เมื่อประกอบกับครัวเรือนไทย 97% เคยใช้งานบริการต่าง ๆ ของสถาบันการเงิน ก็ยิ่งต้องพัฒนาระบบให้รองรับการใช้งานได้ดีขึ้น

ตัวอย่างสถาบันการเงินที่เร่งเครื่องเรื่องบริการดิจิทัล เช่น ธนาคารกรุงศรี ที่จะเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลเต็มรูปแบบ และใช้ดิจิทัลพัฒนาบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้ามากที่สุด ผ่านเป้าหมายเพิ่มฐานลูกค้าอีก 50% เป็น 15 ล้านรายภายใน 3 ปี และมีถึง 12 ล้านรายที่จะใช้งานแพลตฟอร์มดิจิทัลของธนาคาร รวมถึงมีการใช้ AI ในบริการสินเชื่อด้วย

AWS

ดิจิทัลสำคัญต่อสตาร์ตอัปการเงิน

อีกตัวอย่างคือ มันนิกซ์ ผู้ให้บริการสินเชื่อรายย่อย Finnix ที่ต้องการทำตลาดกับกลุ่มคนรายได้น้อยที่เข้าถึงสินเชื่อจากสถาบันการเงินไม่ได้ และมีมากกว่า 36 ล้านรายในประเทศไทย โดยการประเมินความเสี่ยงสินเชื่อนั้นใช้งานดิจิทัลทั้งหมด ปัจจุบันมีลูกค้ากว่า 3 ล้านราย และให้สินเชื่อไปแล้วกว่า 18,000 ล้านบาท หลังก่อตั้งปี 2020

“ตอนนี้ Finnix ใช้ข้อมูลเป็นตัวขับเคลื่อนธุรกิจ ไม่ได้มีคนมาช่วยในเรื่องนี้ ทำให้เราปรับตัวได้ไว และอยู่รอดมาถึงตรงนี้ได้ ซึ่งก็พิสูจน์ได้เช่นกันว่า เทคโนโลยีเข้ามาช่วยเรื่องความปลอดภัยได้จริง ถึงเราไม่มีสาขา ไม่มีตัวแทน แต่ก็พร้อมเดินหน้าธุรกิจได้” ถิรนันท์ อรุณวัฒนกูล ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ มันนิกซ์ กล่าว

ทั้งนี้ มันนิกซ์ ใช้บริการคลาวด์ของ AWS มาตั้งแต่เริ่มธุรกิจ ส่วนธนาคารกรุงศรี ใช้งานคลาวด์ของ AWS มานาน 3-4 ปี โดยการทำงานน้อยกว่าครึ่งหนึ่งนั้นอยู่บนคลาวด์ โดยเฉพาะกับ Core Banking ที่ยังต้องตั้งในธนาคาร เพราะเป็นระบบสำคัญที่สุด

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา