KBank Private Banking เปิดแผนกลยุทธ์ลงทุนปี 2567
ดร.ตรีพล ภูมิวสนะ Senior Managing Director, Private Banking Business Head, Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทย ระบุว่า ทำ KBank Private Banking มา 5 ปีแล้ว เราเชื่อว่า Private Asset สามารถลดความผันผวนให้ลูกค้าได้
เนื่องจากสถิติ Private Equity จะให้ผลตอบแทนสูงกว่า Public market, โดย Private Equity และ Private Infrastructure ช่วยกระจายความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ, เพิ่มทางเลือกและโอกาสเข้าการลงทุนที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ บริษัทเอกชนหลายๆ บริษัทชะลอการเข้า IPO หลังเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น
หลายปีที่ผ่านมาออกมาแล้ว 10 กอง แบ่งได้ดังนี้ 6 กอง คือกลุ่มหุ้นนอกตลาด (Private Equity Fund) เราขายแต่เพียงผู้เดียว, 3 กอง คือกลุ่มอสังหาริมทรัพย์นอกตลาด (Private Real Estate Fund) แบ่งเป็นทั่วโลกและอีก 2 กองคือกองในไทย โดยเป็นการออกกองทุนมาในไทยช่วงโควิด ช่วงที่คอนโดไม่มีใครโอน ยอดโอนต่ำ, กอง HOMA ทำอพาร์ทเมนท์เพื่อขาย เหมือนโรงแรม ให้คนอยู่ 10-12 เดือนและเอากองออกขาย ส่วนอีก 1 กอง คือหนี้นอกตลาด (Private Credit Fund) ใน 2 ปีก่อนหน้านี้ก็ถือว่าเป็นเจ้าแรกที่ทำกองทุนหนี้นอกตลาด
ตัวอย่างความสำเร็จ คือกองทุนหุ้นนอกตลาดทั่วโลก มีผลตอบแทน 58.67% มีการไปลงทุนในร้านอาหาร NARA Thai Cuisine ให้ผลตอบแทน +20% นับจากวันที่เริ่มลงทุนซึ่งในช่วงเวลาเดียวกัน เมื่อเทียบกับเครือร้านอาหารไทยที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ขาดทุนกว่า 25%
ข้อดีของ Private asset คือช่วยทำให้ลูกค้าได้ผลตอบแทน กระจายความเสี่ยง ช่วยให้เศรษฐกิจเดินต่อไปได้ ถ้าลูกค้าเข้าใจการลงทุนระยะยาวแบบนี้ 5-10 ปีข้างหน้า ก็จะมีอะไรที่สามารถพัฒนาในเมืองไทยได้
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน 3 เรื่องหลัก
1) การจัดพอร์ตแบบ Core and Satellite เป็นครั้งแรก หนึ่งเดียวโดย KBank Private Banking โดย Core Portfolio (Semi-Liquid) แบ่งเป็น Private Equity 50%, Private Credit 40%, Infrastructure 10% พอร์ตสินทรัพย์นอกตลาดจะเป็นกองทุนสินทรัพย์นอกตลาดกึ่งสภาพคล่อง ที่ลงทุนเพิ่มได้ทุกเดือน ขายหน่วยลงทุนได้เป็นรายไตรมาส มีล็อกเงินลงทุน 12-18 เดือน ได้พาร์ทเนอร์กับผู้จัดการกองทุนระดับโลก อย่าง EQT และ Apollo ถือเป็นพัฒนาการสำคัญที่เสนอให้ลูกค้าส่วนบุคคลลงทุนได้
โฟกัสเป็นประเทศ, Healthcare, Opportunistic เช่น เห็นคอนโดขายไม่ได้ ก็ทำกองขึ้นมา, Climate Change เทรนด์ใหญ่ที่บริษัทต้องปรับโครงสร้างโรงงานให้ส่งออกไปยุโรปได้, Real Estate ไทยวันนี้มีแต่คนขายโรงแรม ที่ดิน ถ้าจะให้ราคาไม่ทรุดไปมาก ต้องหาคนที่มีกำลังซื้อเข้ามา ให้มันไปต่อได้ มี Venture Capital ปีที่แล้วออกไปแล้ว คิดว่าจะมีใหม่อีก, นอกนั้นก็มีเรืองเทคโนโลยีและบริษัทก่อนเข้าตลาด
2) ออกแบบพอร์ตการลงทุนที่สร้างให้เฉพาะคุณ (Tailor-Made Portfolio Management) จะเริ่มมี semi-liquid เรามาจัดให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า ตรงกับความเสี่ยงที่รับได้ ออกแบบพอร์ตการลงทุนที่สร้างให้เฉพาะคุณ มีทั้ง Core Portfolio, Satellite Funds และ Co-Investments
นี่คือโอกาสที่ดีที่สุดคือลงทุนหุ้นจีน ถ้าคุณสามารถเก็บยาว 7-8 ปีได้ ตัวอย่างการออกแบบพอร์ตการลงทุน ตามเป้าหมายลงทุนของลูกค้า นักลงทุนที่ไม่เคยลงทุนใน Private Assets อาจเริ่มต้นด้วย Core Portfolio โดยนักลงทุนที่มีระยะเวลาการลงทุนที่ยาวนานขึ้น สามารถเพิ่มสัดส่วน การถือครองใน Satellite ได้ ซึ่งสัดส่วน Satellite จะมีระยะเวลาการล็อกเงินลงทุนไว้ยาวนานกว่า ผลตอบแทนที่คาดหวังสูงกว่าและความผันผวนของราคาต่ำกว่า
3) ผนึกกำลังกับพาร์ทเนอร์ระดับโลก (Partner with the Best) นำของดีระดับโลกสู่นักลงทุนไทย เช่น ผนึกกำลังกับบริษัทสินทรัพย์นอกตลาดชั้นนำ (Private Equity-PE) อย่าง EQT, GOLDMAN SACHS และ APOLLO สร้าง Ecosystem การลงทุนที่แข็งแกร่ง ทำให้นักลงทุนมีทางเลือกที่หลากหลาย
แต่ละกองมีล็อคอัพ ล็อคเงินลงทุน เพิ่มสภาพคล่อง ซื้อได้ทุกเดือน ขายคล่องทุกไตรมาส แก้ปัญหาการเข้าถึงขั้นต่ำเข้าถึงการลงทุนที่หลากหลาย
EQT สัญชาติสวีเดน อันดับ 3 ของโลก
ก่อตั้งมาแล้ว 30 ปี มีสินทรัพย์กว่า 2.3 แสนล้านยูโร มี Active funds มากกว่า 50 กอง และมีพนักงานกว่า 1,800 รายกว่า 20 ประเทศ มีการลงทุนหลากหลาย ทั้งในด้าน Healthcare, Infrastructure, Technology ตัวอย่างบริษัท SHL Medical มีการคาดการณ์ว่าอีก 5-10 ปีข้างหน้า โลกเราจะมีคนอ้วนน้อยลง มันมีปากกาที่ฉีดอินซูลิน ที่ปักไปแล้วจะหิวน้อย เทคโนโลยีนี้ จะทำส่วนตัวง่ายขึ้น เช่น Molly อยู่ในกองนี้กว่า 10%
มีการลงทุนในบริษัท Indira IVF ปัจจุบันกลุ่มธุรกิจเด็กหลอดแก้วโตเร็วมาก เวลาเศรษฐกิจโตไว ส่วนใหญ่ผู้หญิงต้องเลือกระหว่างครอบครัวกับงาน ผู้หญิงที่มีครอบครัวอายุมากขึ้น IVF เข้ามามีส่วนสำคัญ มันจะตามมากับประเทศที่เศรษฐกิจโตเร็ว กลุ่มเป้าหมายคือมีรายได้ปานกลาง ประชากรยังเยอะอยู่ ทำให้คนในอินเดียเยอะมาก กลุ่มที่อยากมีลูกแต่ไม่มีลูกคือกลุ่ม Middle Income และ Upper หลายบริษัทจะชอบธีมที่มีแรงส่งอีกยาว แบบนี้ คุณหมอ Indira IVF
APOLLO บริษัทชั้นนำด้านการจัดสินทรัพย์
มียอดการปล่อยสินเชื่อนอกตลาดอันดับ 1 ของโลก มีมูลค่ารวม 4.6 แสนล้านเหรียญสหรัฐนอกจากนี้ก็มีแผนจะร่วมมือกับ Goldman Sachs เพื่อสร้าง Ecosystem ในการลงทุนสินทรัพย์นอกตลาดที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง
ท่ามกลางความผันผวนสูงในตลาดทุนทั่วโลก ทำให้โอกาสในการลงทุนสินทรัพย์ทางเลือกอย่างสินทรัพย์นอกตลาดน่าสนใจยิ่งขึ้น
ที่มา – KBank Private Banking
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา