“เรียนรู้ ยอมรับ และปรับตัว” น่าจะเป็นวลีที่ดีที่สุดสำหรับข่าวนี้ เพราะแม้ว่าตอนนี้ในญี่ปุ่น บริการแท็กซี่จะยังครองตลาดส่วนใหญ่อยู่ แต่ก็ไม่ประมาท เตรียมส่งแอพพลิเคชั่นเรียกรถมาลงสู่ตลาดกับเขาบ้าง คาดว่าจะใช้ได้จริงปีหน้า 2018
ไม่ฟูมฟาย ไม่ดราม่า จะแข่งกับเขา เราต้องปรับตัว
กลุ่มบริษัทรถแท็กซี่ในโตเกียว ประกาศเริ่มต้นทดสอบระบบแอพพลิเคชั่นใหม่ (new app-based system) เพื่อทำให้ลูกค้าสามารถเห็นค่าโดยสารรวมก่อนการเดินทาง (final fare) หรือพูดง่ายๆ คือ จะใช้วิธีการคิดเงินแบบเดียวกันกับที่ผู้ให้บริการรถร่วมโดยสารรายอื่นทำอยู่ในตลาดอย่างเช่น Uber หรือ Didi
โดยเริ่มต้น กลุ่มบริษัทจะส่งระบบแอพพลิเคชั่นตัวใหม่ให้ใช้งานผ่านสมาร์ทโฟน ส่วนขั้นตอนการทำงานก็เหมือนกับผู้ให้บริการรายอื่นๆ เช่น ให้ผู้บริโภคเลือกจุดที่จะให้แท็กซี่มารับ พร้อมทั้งเลือกจุดหมายปลายทาง จากนั้นระบบจะคิดค่าบริการโดยคำนวณจากเวลาที่เรียกรถและระยะทางที่เดินทาง สุดท้ายก็จะเห็น “ค่าบริการที่ต้องจ่าย”
ที่สำคัญ ค่าบริการจำนวนนี้จะไม่เพิ่มขึ้น หากเกิดปัญหาระหว่างทาง ไม่ว่าจะรถติดหรือขับผิดเส้นทาง ค่าบริการก็จะยังคงเดิมอย่างที่ได้แจ้งไปก่อนหน้าแล้ว
ในส่วนการดำเนินการจะมีแท็กซี่เข้าร่วมจากผู้ให้บริการกว่า 44 ราย รวมแล้วกว่า 4,648 คัน ที่จะมาเข้าร่วมในการทดลองบริการในช่วง 2 เดือนนับจากนี้ ส่วนในช่วงทดลองบริการเรียกรถแท็กซี่จะเริ่มต้นที่ 3,000 เยน หรือประมาณ 900 บาท ส่วนบริการจริงจะเริ่มต้นจริงในปีหน้า 2018
Ichiro Kawanabe หัวหน้าสมาคมเช่ารถแท็กซี่ในญี่ปุ่น บอกว่า “เราต้องการปรับปรุงอุตสาหกรรมของแท็กซี่ทั้งหมด”
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้สมาคมแท็กซี่ในญี่ปุ่นต้องเปลี่ยนแปลงคือการเกิดขึ้นและเติบโตของผู้แข่งขันหน้าใหม่ๆ อย่าง Uber และแม้ว่าขณะนี้ในญี่ปุ่น บริการรถแท็กซี่แบบทั่วไปจะยังคงครองตลาดอยู่ แต่ในอนาคตถ้าไม่ปรับตัวให้ทันกับบริการใหม่ๆ ก็จะไม่สามารถแข่งขันได้ในธุรกิจนี้
แต่นอกจากการจะส่งแอพพลิเคชั่นใหม่มาลงสู่ตลาดของกลุ่มแท็กซี่ในญี่ปุ่นแล้ว ก่อนหน้านี้เรายังได้เห็นการปรับตัวของแท็กซี่ญี่ปุ่น เป็นต้นว่า มีการลดราคาค่ามิเตอร์ที่เริ่มต้นแต่เดิม จาก 730 เยน (220 บาท) เป็น 410 เยน (124 บาท) อีกด้วย
เหตุผลส่วนหนึ่งก็เพราะในปี 2020 ที่จะถึงนี้จะมีการจัดงานโอลิมปิคในญี่ปุ่น เพราะฉะนั้น ถ้าชาวต่างชาติเข้ามามากขึ้น อาจจะหันไปเลือกใช้บริการหน้าใหม่ได้ กลุ่มแท็กซี่ญี่ปุ่นเลยต้องมีการกำหนดราคาเริ่มต้นให้ถูกลงเพื่อแข่งขัน
และแน่นอนในปีหน้า 2018 นี้ หากการทดลองในช่วง 2 เดือนนี้ผ่านไปได้ด้วยดี ปีหน้าคงจะได้เห็นแอพพลิเคชั่นของกลุ่มแท็กซี่ญี่ปุ่นลงมาสู่ตลาดอย่างแน่นอน
ที่มา – Nikkei Asian Review
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา