ทำความรู้จัก Health at Home, FINNOMENA, Freshket และ fastwork.co จาก dtac accelerate #batch4

ขยับใกล้วัน demo day ของ dtac accelerate เข้าไปทุกขณะที่แล้ว การขับเคี่ยวของทั้ง 10 ทีมStartup และ 6 Mentors กำลังเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ แม้จะยังไม่จบโครงการแต่มีหลายทีมได้รับเงินลงทุนไปแล้ว เป็นสิ่งที่พิสูจน์ว่า เป็นแนวคิดที่เป็นไปได้จริงในทางธุรกิจ สมโภชน์ จันทร์สมบูรณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายนวัตกรรมธุรกิจและ dtac accelerate เลยอาสา พา Brand Inside มาดูตัวกันแบบใกล้ชิดกับ 4 จาก 10 Startup ใน #batch4

และ Startup 4 รายที่ Brand Inside ได้ทำความรู้จักแบบใกล้ชิดเกือบจะเป็น demo day ยิ่งเพิ่มความสนใจ และต่อไปนี้คือรายละเอียดของเนื้อหาจาก Startup ทั้ง 4 ราย

Health at Home ดูแลผู้ป่วยได้ถึงบ้าน

นี่คือ Startup ที่เป็น คุณหมอ มาเอง จากแนวคิดเรื่อง Home Care หรือการดูแลผู้ป่วยและผู้สูงอายุที่บ้าน ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วว่า การอยู่บ้านปลอดภัยกว่าโรงพยาบาล มีโอกาสหายเร็วกว่า และมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่า แต่มีอุปสรรค คือ

1. เป็นเรื่องยากที่จะหาคนดูแลที่มีความรู้และไว้ใจได้
2. อยู่ไกลหมอ
3. ต้องจ่ายเงินเอง เพราะประกันไม่รองรับ

ดังนั้นเพื่อจัดการกับปัญหาดังกล่าว Health at Home จึงจัดการระบบหาคนดูแลที่ผ่านการฝึกอบรมและรับรองให้ อยู่ระหว่างการพัฒนา Care App สำหรับเก็บข้อมูลและแจ้งเตือนโรงพยาบาล และเจรจากับบริษัทประกัน เพื่อให้สามารถเบิกค่าใช้จ่ายได้ ซึ่งอยู่ระหว่างการหารือในรายละเอียด

ระบบของ Health at Home ทำให้ทุกคนได้ประโยชน์ ช่วยให้โรงพยาบาลสามารถ Turn เตียงได้ดี รับผู้ป่วยได้มากขึ้น ตัวผู้ป่วยที่สามารถกลับบ้านได้ก็มีความปลอดภัย ดีใจได้กลับบ้าน ผู้ดูแลก็มีงานทำที่ดี และบริษัทประกัน ก็จ่ายเงินน้อยลงเมื่อเทียบกับการนอนในโรงพยาบาล

ขณะที่ระบบ Home Care ของ Health at Home ยังสามารถขยายการให้บริการในอนาคตได้อีก นอกจากการพัฒนา Care App ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในการเก็บข้อมูลและแจ้งเตือนไปยังโรงพยาบาล สามารถทำ e-Commerce สินค้าดูแลผู้ป่วยได้อีกด้วย

ถือเป็นหนึ่งใน MediTech ที่น่าสนใจ

FINNOMENA เพราะการลงทุนเป็นเรื่องของทุกคน

บริการ Platform การลงทุนที่พัฒนาขึ้นมาโดยทีมนักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุน ที่เห็นว่าปัจจุบันมีคนเพียง 7% ที่สามารถผ่านเข้าไปสู่การมีชีวิตเกษียณที่มีความสุข เพราะมีการลงทุนเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเกษียณ และสำเร็จ ดังนั้น FINNOMENA จึงพัฒนาบริการที่เรียกว่า NTER มาจัดการการลงทุนให้

โดยมีทั้งหมด 7 แผนการลงทุน ซึ่งระบบจะเลือกให้กับผู้ใช้ผ่าน 3 ปัจจัยคือ

1. เป้าหมายการลงทุน
2. ความเสี่ยงที่ยอมรับได้
3. ระยะเวลาในการลงทุน

โดยทั้งหมดเป็นบริการฟรี ขอแค่ลงทุนผ่าน NTER จากนั้น NTER จะคิดค่าคอมมิชชั่นกับบริษัทหลักทรัพย์เอง ซึ่งบริการจะเหมาะกับการลงทุน 3 ปีขึ้นไป

ถ้าถามว่าทำไมต้องมาเริ่มต้นกับ FINNOMENA คำตอบคือ ที่นี่จัดการให้ทุกอย่าง สามารถเปิดบัญชีออนไลน์ได้ ที่นี่เป็นกลางไม่เลือกสีไม่เลือกค่าย ลงทุนได้กับทุกบริษัท ผ่านบริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน ที่นี่ทำให้ทุกอย่างง่าย ใช้งานง่าย เข้าใจง่าย มีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำ และภายในปลายปีนี้ จะขยายบริการจับกลุ่มการลงทุน 6 – 12 เดือน และการลงทุนในลักษณะ RMF-LTF และประกัน Unit Link ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้น

ในกลุ่ม FinTech ทั้งหมด FINNOMENA ได้รับการจับตามองอย่างมาก และเป็น Startup ที่ได้รับการลงทุนไปเรียบร้อยแล้วด้วย

Freshket บริหาร Supply เพื่อร้านอาหาร และเกษตรกร

การบริหารจัดการวัตถุดิบ (Supply) โดยเฉพาะของสด เป็นหัวใจสำคัญของร้านอาหาร ต้องคำนวณต้นทุน การสต็อกวัตถุดิบ การใช้ให้เพียงพอไม่เหลือมากเกินไป เพื่อให้ได้ของสดที่มีคุณภาพเสมอ นี่คือจุดที่ Freshket เข้ามาช่วยบริหารจัดการ เพราะการที่อยู่ในธุรกิจ Supply มาก่อน ทำให้รู้ถึงปัญหาและอุปสรรคเหล่านี้เป็นอย่างดี

Freshket จะทำหน้าที่เป็น Marketplace และ Workflow Integration ให้กับร้านอาหารและเกษตรกรผู้ผลิต นั่นคือ ร้านอาหารขนาดกลางและเล็ก สามารถเข้ามาเลือกซื้อวัตดุดิบอาหารสดทั้งหลายผ่านทางเว็บไซต์ ไม่ต้องยุ่งยากวิ่งหาวัตถุดิบ และจะมีระบบบัญชีเพื่อช่วยรู้รายรับรายจ่าย ส่งใบเสนอซื้อขาย แก้ปัญหาดังนี้

1. หาผู้ผลิตไม่เจอ ต้องซื้อของจากเจ้าเดิมเท่านั้น วัตถุดิบไม่เพียงพอ (ซึ่งเป็นปัญหาหลัก)
2. ต้องหอบเงินแสนไปซื้อของเอง
3. ต้องตรวจสอบวัตถุดิบที่เหลือเอง
4. ต้องทำบัญชีเอง

ในมุมของผู้ผลิตและเกษตรกร จะเกิดการแข่งขันกันผลิตวัตถุดิบที่มีคุณภาพ มีตลาดที่สามารถขายสินค้าได้ตลอดเวลา รู้ความต้องการของตลาดล่วงหน้า ลดความเสี่ยงสินค้าสดเน่าเสีย และภายในปีนี้จะร่วมมือกับผู้ให้บริการ Logistics เพื่อจัดบริการขนส่งวัตถุดิบจากฟาร์มถึงร้านอาหาร เกิด Ecosystem ที่สมบูรณ์ของตลาดซื้อขายวัตถุดิบกับร้านอาหาร

ยิ่งกว่านั้น รูปแบบบริการของ Freshket จะช่วยยกระดับมาตรฐานและคุณภาพของวัตถุดิบไทย และสามารถ Scale Up ไปเรื่องการนำเข้า-ส่งออก หรือไปให้บริการในต่างประเทศได้ด้วย ถือเป็น Startup ที่มาแรงอีกราย

fastwork.co หางานฟรีแลนซ์ ให้มาที่นี่

1ใน4 ของ SME เลือกจ้างฟรีแลนซ์ทำงาน เพราะได้ผู้เชี่ยวชาญทำงาน และได้งานเร็ว

1ใน5 ของแรงงาน เลือกที่จะทำงานฟรีแลนซ์ เพราะมีเวลา มีอิสระในการรับงาน และได้ทำในสิ่งที่ชอบ

แต่อุปสรรคคือ ขาดความน่าเชื่อถือ เช่น จ้างงานแล้วไม่จ่ายเงินตามที่ตกลง หรือ จ้างงานแล้วทำงานไม่เสร็จธุรกิจเสียหาย fastwork.co จึงเข้ามาแก้ไขปัญหานี้ โดยการเป็นตัวกลางในการจัดหางานและบริหารจัดการความน่าเชื่อถือ โดย

1. เป็น Marketplace สำหรับฟรีแลนซ์
2. มีระบบ Rating เพื่อช่วยในการตัดสินใจของผู้จ้าง
3. ถือเงินไว้ให้ และจ่ายเงินเมื่อทำงานเสร็จ

ทดลองเปิดให้บริการมา 7 เดือน มีผู้จ้างงานจำนวน 900 ราย มีฟรีแลนซ์ในระบบ 3,700 คน และเกิดการจ้างงานแล้ว 1,700 ครั้ง โดย 1 ใน 3 ของผู้จ้าง กลับมาจ้างงานซ้ำอีก แสดงถึงความพึงพอใจ โดย fastwork.co มีรายได้จากค่าคอมมิชชั่น 17% ขณะที่คู่แข่งที่มีบริการคล้ายกันไม่สามารถหารายได้

สำหรับ fastwork.co เป็นธุรกิจที่ขายบริการ คือ ดูแลเงิน ผู้ว่าจ้างกล้าที่จะจ่ายเงินให้ fastwork.co ถือไว้ก่อน แสดงถึงความน่าเชื่อถือที่ได้รับ และยังทำหน้าที่คัดเลือก คน ที่ทำหน้าที่ฟรีแลนซ์ มีระบบการติดต่อสื่อสารที่ชัดเจน อ้างอิงได้เพื่อให้ผู้จ้างได้ฟรีแลนซ์ที่มีประสิทธิภาพจริงๆ และยังมีระบบเอกสาร ใบเสนอจ้าง วางบิล ภาษี เพื่อให้ฟรีแลนซ์สะดวกสบาย ทุกคนมีความสุข

fastwork.co จึงเป็น Startup ที่ได้รับเงินลงทุนจาก VC ไปก่อนหน้านี้แล้วเช่นกัน

นี่เป็นเพียง Startup 4 ทีมจากทั้งหมด 10 ทีมในโครงการ dtac accelerate #batch4 เท่านี้ก็การันตีได้แล้วว่า 10 ทีมในปีนี้แซ่บมาก demo day วันที่ 19 ส.ค. นี้ร้อนระอุแน่นอน

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา